สมุทรปราการ 10 ม.ค. –“สุทิน” รอเอกสารอัยการสูงสุด เคลียร์ปมเรือดำน้ำ ยึดมติ ครม.เป็นหลัก ยันไม่มีล็อบบี้ฝ่ายการเมือง เผยไม่กระทบงบปี 67 เพราะไม่มีโครงการใหม่
นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าสำนักงานอัยการสูงสุดตอบคำถามกองทัพเรือ ในการแก้ปัญหาโครงการเรือดำน้ำที่จัดซื้อจากจีน ว่า ขอรอหนังสือตอบมาเป็นทางการก่อน เพราะยังไม่เห็นรายละเอียด แต่การจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อตกลง หรือการดำเนินการไปข้างหน้า หรือทางใด ต้องเป็นมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ลักษณะคล้ายกับ พ.ร.บ.กู้เงิน ถึงแม้ว่าผลจะออกมาอย่างไร ก็ต้องนำเข้า ครม. ส่วนจะต้องยืดสัญญาออกไปอีกหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ก็ต้องดูว่าทางสำนักงานอัยการสูงสุดตอบกลับมาอย่างไร เพราะการขอขยายสัญญาก็ต้องนำเข้า ครม. เช่นกัน อีกทั้งไม่ต้องส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความ
ทั้งนี้ ถ้ากองทัพเรือเห็นไม่ตรงกับ ครม. จะทำอย่างไร นายสุทิน กล่าวว่า เห็นไม่ตรงกัน ก็ยึดมติ ครม. เป็นหลัก เพราะมติ ครม. เป็นองค์กรตัดสินใจสูงสุด โดย ครม. จะฟังความต้องการและความเห็นกองทัพมากอยู่ ทั้งนี้ คิดว่าไม่ส่งผลกระทบต่อการพิจารณางบประมาณปี 67 เพราะงบเรือดำน้ำในปี 67 ก็ไม่ได้มีอะไรเข้ามา มีแค่งบเก่าที่จะสร้างท่าเรือ ระหว่างนี้ก็ทำต่อไป
“แม้อาจไม่ได้เรือดำน้ำ ก็ปรับใช้ประโยชน์อย่างอื่น เช่น เป็นอู่เรือพาณิชย์ หรือเรือฟริเกตแทน สอบถามแล้ว สามารถปรับใช้ประโยชน์ทางอื่นได้เยอะ ไม่เสียของ ทำไปได้ เพียงแต่ระยะสุดท้าย ยังไม่ถึงระยะที่ 3 และยังไม่ได้เซ็นต์สัญญา ซึ่งเป็นการออกแบบอู่จอดเรือดำน้ำและโรงซ่อมบำรุงโดยตรง ยังไม่ได้ลงนาม โดย 2 ระยะแรก ก็ใช้กับเรือทั่วไปได้ ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานทั่วไป”นายสุทิน กล่าว
ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ให้ข้อคิดเห็นในเรื่องเรือดำน้ำหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า นายกฯ ให้ยึดข้อกฎหมายและดูความต้องการของกองทัพเรือ และอย่างที่ตนพูดในสภาฯ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ถ้ารักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้ ก็รักษาไว้ เว้นแต่จำเป็นจริง
ส่วนกระแสข่าวว่ากองทัพเรือไปเจรจาหรือล็อบบี้ฝ่ายการเมือง เพื่อให้เรื่องนี้ผ่านและได้ต่อเรือดำน้ำต่อไป นายสุทิน กล่าวว่า ยัง ถ้าล็อบบี้ ก็ต้องล็อบบี้ รมว.กลาโหมด้วย ขอยืนยันว่าไม่มี รวมถึงขณะนี้ ไม่มีผู้ค้าอาวุธมาวิ่งเต้นกับ รมว.กลาโหม มีเพียงส่งไลน์ หรือส่งมาทางโซเชียลฯ แต่เรื่องนี้ รัฐมนตรีตัดสินใจคนเดียวไม่ได้ เพราะกลัวในเรื่องข้อกฎหมาย และไม่ขอเสี่ยง ยึดหลักสุจริตเป็นเกราะกำบัง.-313.-สำนักข่าวไทย