ตรัง 27 ธ.ค. – หนุ่มวัย 42 ปี ชาวนาโยง จ.ตรัง ทำงานเสี่ยงตาย ปีนต้นสะเดาเทียมบางต้นสูงถึง 20 เมตร เพื่อตัดยอดนำมาลวกขายกินคู่กับปลาดุกย่าง หรือจิ้มน้ำพริก สร้างรายได้วันละกว่า 2,000 บาท
สวนต้นสะเดาเทียมหมู่ที่ 7 ต.นาหมื่นศรี อ.นาโยง จ.ตรัง พบนายชุติพงศ์ รักชู อายุ 42 ปี ชาวอำเภอนาโยง กำลังปีนต้นสะเดาเทียมที่มีความสูงถึง 20 เมตร เพื่อตัดยอดสะเดาอ่อน นำมาลวกก่อนส่งขายให้กับบรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่มารับซื้อ สร้างรายได้วันละ 2,000-2,200 บาท 1 ปีมีรายได้กว่า 100,000 บาท นับว่าเป็นรายได้ที่ดี เพราะยอดสะเดาเทียมจะแตกใบอ่อนเฉพาะในช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคม ทุกปี
การปีนต้นสะเดาเทียม อาศัยความชำนาญเฉพาะตัว โดยต้องปีนขึ้นต้นยางพาราที่อยู่ใกล้กับต้นสะเดาเทียมก่อน แล้วค่อยเกาะลำต้นสะเดาเทียมขึ้นไป และใช้ไม้ที่ผูกกับมีด ตัดยอดอ่อนให้ร่วงหล่นลงมา โดยจะมีคนคอยเก็บมากองรวมกัน เพื่อคัดเลือกยอดอ่อนที่สมบูรณ์ ใบเป็นมันวาวและสวยงาม แล้วนำไปล้างทำความสะอาด และลวกในน้ำเดือดประมาณ 1-2 นาที จึงนำมาน็อกน้ำเย็นเพื่อไม่ให้ยอดสะเดาเปลี่ยนสี ขายให้กับพ่อค้าในราคากิโลกรัมละ 50 บาท นิยมนำไปกินคู่กับปลาดุกย่าง จิ้มน้ำพริก หรือทำแกงต่างๆ ให้รสชาติขมอ่อน ๆ แต่มีสรรพคุณทางยา ช่วยบำรุงรักษาเหงือกและฟัน ช่วยย่อยอาหารประเภทไขมันได้ดี ช่วยย่อยอาหาร ลดความเสี่ยงในการเกิดก้อนเนื้อและมะเร็ง รักษาอาหารในช่องปาก ที่นิยมนำมาสกัดเป็นส่วนผสมของยาสีฟันทั่วไป ส่วนใบนำมาสกัดเป็นสารป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูพืชได้หลายชนิด
ปัจจุบันมีคนทำอาชีพนี้น้อยลง เนื่องจากต้นสะเดาเทียมส่วนใหญ่มีอายุมากกว่า 30-50 ปี จึงจะแตกอ่อนจำนวนมาก ทำให้ลำต้นสูงใหญ่ คนรุ่นใหม่ขึ้นต้นไม้ไม่เป็น บางคนกลัวความสูง กลัวกระแสลมที่พัดแรง ขณะที่ความต้องการของตลาดในช่วงที่สะเดาแตกยอดอ่อน มีเพิ่มขึ้น ทำให้เกษตรกรที่มีความชำนาญเป็นพิเศษ ทำกันแทบไม่พอขาย แม้จะเป็นอาชีพที่มีความเสี่ยงสูง แต่ก็สร้างรายได้ให้อย่างงดงามในช่วงเวลาไม่ถึง 3 เดือน
ด้านนายชุติพงศ์ รักชู เกษตรกรชาวอำเภอนาโยง กล่าวว่า รายได้ต่อวัน วันละกว่า 2,000 บาท ลงทุนน้อยกำไรดี ขายมัดละ 7-10 บาท ส่วนที่ขมหรือไม่ขมอยู่ที่การปรุง โดยนำมาต้ม 1 ครั้ง แล้วเอาไปล้างน้ำ ตั้งให้สะเด็ดน้ำแล้วจุ่มด้วยน้ำซุปอีกที ซึ่ง 1 ปีมีครั้งเดียว ครั้งละประมาณ 2 เดือนกว่า โดยได้ตระเวนในแต่ละปี ซึ่งตนมีพ่อค้ารับ-ส่งอยู่แล้ว สร้างรายได้ปีละกว่า 1 แสนบาท. – สำนักข่าวไทย