กรุงเทพฯ 24 ธ.ค. – รอง ผบ.ตร. สั่งตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี “อนุทิน” นำชุดปกครองบุกจับบ่อนกลางเมืองโคราช-กาญจนบุรี หากพบใครมีเอี่ยว จัดหนักทั้งวินัย-อาญา กำชับรายงานผลด่วน
เมื่ิอวันที่ 24 ธันวาคม 2566 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ปฏิบัติราชการแทน ผบ.ตร. มีหนังสือคำสั่งบันทึกด่วนที่สุดถึง พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปป 5) มีใจความระบุว่า เรื่องให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีจับกุมบ่อนการพนันในพื้นที่ ภ.3 และ ภ.7 เพื่อทราบและควบคุมกำกับการปฏิบัติ ผบช.ภ.3 และ ผบช.ภ.7
จากข่าวที่ปรากฏตามสื่อสังคมออนไลน์ ประจำวันที่ 23 ธ.ค.66 กรณีนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นำทีมชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง ร่วมกับฝ่ายปกครองจังหวัด และตำรวจภูธรจังหวัด เปิดปฏิบัติการตรวจค้นจับกุมบ่อนการพนันพร้อมกัน 2 แห่ง ดังนี้
จุดที่ 1 ใจกลางเมืองนครราชสีมา กลางแหล่งชุมชน เป็นบ่อนการพนันตั้งอยู่ริมถนนศรีเพชร ต.หมื่นไวย อ.เมือง จ.นครราชสีมา เป็นอาคารชั้นเดียวบังตาเจ้าหน้าที่ด้วยตาข่ายบังแดดสีดำ มีการ์ดรักษาความปลอดภัย ด้านในลักลอบเล่นการพนันประเภทไฮโล เสือ มังกร จำนวนหลายโต๊ะ และมีการเล่นการพนันออนไลน์ด้วย ขณะเข้าตรวจค้นพบผู้ดูแลบ่อนยอมรับว่ามีการลักลอบเล่นการพนันจริง และพบคนต่างด้าวชาวกัมพูชายอมรับว่าเป็นลูกจ้างของบ่อน เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายและไม่มีใบอนุญาตทำงาน จำนวน 4 คน
จุดที่ 2 บ่อนหวายเหนียว ตั้งอยู่ในตลาดหวายเหนียว อ.ท่ามะกา จว.กาญจนบุรี อยู่ภายในโรงสีข้าวขนาดใหญ่ ลักษณะเป็นบ่อนเปิด ไม่มีประตู เปิด ปิด แต่มีรั้วรอบขอบชิด โดยใช้ต้นไม้และสแลนสีดำล้อมรอบ ขนาดพื้นที่ประมาณ 5 ไร่ เปิดลักลอบเล่นการพนันประเภท ถั่ว หรือกำถั่ว ตรวจค้นพบนักพนันและเจ้ามือ จำนวนรวม 90 คน เงินสดและชิปสำหรับเล่นการพนันรวมหลายล้านบาท ตรวจพบอาวุธปืนและเงินสดจำนวนมากภายในรถของนักพนันที่จอดภายในบ่อน
เพื่อให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อยมีประสิทธิภาพและเป็นไปในแนวทางเดียวกัน จึงมอบหมายให้ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปป 5) เป็นผู้ควบคุม กำกับ ดูแล และสั่งการ ให้ ภ.3 และ ภ.7 ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ปรากฏว่า ก่อนที่ฝ่ายปกครองจะเข้าจับกุม มีการลักลอบเล่นการพนันในลักษณะอย่างไร มีผู้ใดเป็นเจ้าของ มีการลักลอบเปิดให้เล่นการพนันมาตั้งแต่เมื่อใด มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนายใดมีส่วนเกี่ยวข้อง รู้เห็นเป็นใจ ปล่อยปละละเลย เรียก รับ หรือมีผลประโยชน์ทั้งทางตรงหรือทางอ้อมหรือไม่ อย่างไร โดยให้เร่งรัดดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เป็นที่ประจักษ์โดยเร็ว หากผลการตรวจสอบปรากฏว่า มีข้าราชการตำรวจนายใดเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ให้ใช้มาตรการทางปกครอง การดำเนินการทางวินัย และการดำเนินการทางอาญาต่อไป แล้วรายงานผลให้ทราบโดยด่วน.-412-สำนักข่าวไทย