กรุงเทพฯ 20 ก.ค. – ผู้ว่าฯ ธปท.ยืนยันเงินบาทไม่แข็งค่าเกินกว่าภูมิภาค พร้อมติดตามหนี้เสียที่ยังอยู่ระดับสูง
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงกรณีที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ว่า เกิดจากการที่เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า เพราะนักลงทุนไม่มั่นใจเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองของสหรัฐ เรื่องคดีความของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่อาจมีผลทำให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐชะลอออกไป ประกอบกับ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐไม่ดีตามคาด จึงทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า ส่งผลให้ค่าเงินในประเทศต่าง ๆ รวมทั้งในภูมิภาคเอเชียแข็งค่าขึ้น ซึ่งค่าเงินบาทของไทยก็แข็งค่าขึ้นเช่นกัน แต่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับสกุลเงินในภูมิภาคเอเชีย
นายวิรไท ย้ำว่า ที่ผ่านมา ธปท.ได้มีการประสานกับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) อย่างต่อเนื่องและ ธปท.ก็ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมย้ำให้ภาคเอกชนทยอยทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้า เพราะที่ผ่านมาพบว่ามีเอกชนหลายรายที่มีความสามารถทำประกันดังกล่าวได้ แต่ไม่ยอมทำ และมาซื้อประกันความเสี่ยงพร้อม ๆ กัน เมื่อค่าเงินบาทผันผวน จึงทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอีก จึงต้องการให้เอกชนทำประกันความเสี่ยงให้เป็นเรื่องปกติของการทำธุรกิจกับต่างประเทศ เพราะค่าเงินบาทยังคงมีความผันผวนต่อเนื่อง
ส่วนกรณีที่ผลการดำเนินงานธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 2/2560 ลดลงนั้น ผู้ว่าฯ ธปท. กล่าวว่า บางธนาคารมีสินเชื่อบุคคลขนาดใหญ่ที่เป็นหนี้เสีย จึงมีการตั้งสำรองสูงขึ้น ผลประกอบการจึงปรับลดลง ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์เฉพาะไม่น่ากังวล ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ที่ยังคงอยู่ระดับสูงนั้น ยังคงต้องจับตาต่อเนื่อง แม้ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจะขยายตัวดีขึ้น แต่ยังไม่กระจายตัว ขณะที่ตัวเลขเอ็นพีแอลจะปรับตัวลดลง หลังจากเศรษฐกิจฟื้นตัวไประยะหนึ่ง ทั้งนี้ มั่นใจว่าฐานะของธนาคารพาณิชย์ยังแข็งแกร่งและมีกำไร ตัวเลขทุนสำรองของธนาคารยังอยู่ในระดับสูง. – สำนักข่าวไทย