ธปท.ชี้ระบบการเงินไทยยังมีเสถียรภาพ

กรุงเทพฯ 23 เม.ย. – ธปท.เผยปี 2567 ระบบการเงินไทยยังมีเสถียรภาพ ภาวะการเงินตึงตัวมากขึ้น จับตานโยบาย ทรัมป์ 2.0 -ปัญหาเชิงโครงสร้างบางภาคธุรกิจ -แผ่นดินไหว-หนี้ครัวเรือนที่ยังสูง ส่งผลความเชื่อมันนักลงทุน-สภาพคล่องธุรกิจ-ปล่อยสินเชื่อยาก


ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยแพร่รายงานเสถียรภาพระบบการเงินไทยปี 2567 โดยระบุว่าที่ผ่านมา ระบบการเงินไทยโดยรวมมีเสถียรภาพ สามารถสนับสนุนกิจกรรมในภาคเศรษฐกิจจริงสถาบันการเงิน (สง.) ทั้งธนาคารพาณิชย์ (ธพ.) สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (specialized financial institution: SFis) ผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (non-bank retail lenders: NBRLs) และสหกรณ์ออมทรัพย์ (สอ.) โดยรวมยังมีฐานะการเงินเข้มแข็งแม้คุณภาพหนี้ด้อยลง นอกจากนี้ ระดับหนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (gross domestic product: GDP) ปรับลดลงต่อเนื่อง สะท้อนถึงการลดหนี้ (deleverage) ที่จะช่วยเสริมสร้างเสถียรภาพระบบการเงินในระยะข้างหน้า

อย่างไรก็ดี ท่ามกลางแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจและภาคการเงินที่อาจได้รับผลกระทบจาก ปัจจัยต่าง ๆ ทั้งภายในและนอกประเทศ อาทิ นโยบายการค้าและนโยบายภาษีของประเทศต่าง ๆ ปัญหาเชิงโครงสร้างของบางภาคธุรกิจ เหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศเมียนมา และหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ยังต้องติดตามความเสี่ยงที่อาจกระทบต่อเสถียรภาพระบบการเงินในระยะข้างหน้า ได้แก่


  1. ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เปราะบางและอ่อนไหวต่อทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศจากนโยบายการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก รวมถึงบางภาคธุรกิจที่ยังฟื้นตัวช้า มีปัญหาเชิงโครงสร้างและเผชิญกับการแข่งขันจากจีน ขณะที่ความเชื่อมั่นที่เปราะบางของนักลงทุนอาจนำไปสู่การขายสินทรัพย์ที่ทำให้ราคาปรับลดลง กระทบต่อฐานะของนักลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายย่อย รวมถึงทำให้ต้นทุนการกู้ยืมผ่านตลาดทุนและความเสี่ยงในการออกหุ้นกู้ใหม่เพื่อทดแทนหุ้นกู้เดิมที่ครบกำหนดอายุ (rollover risk) ปรับเพิ่มขึ้น โดยหากมีเหตุการณ์ที่นำไปสู่การปรับตัวลงอย่างมากของราคาสินทรัพย์ใน ต่างประเทศ (global asset price correction) จะยิ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและอาจนำไปสู่การเทขาย สินทรัพย์จากความตื่นตระหนก (panic asset selling) อันจะส่งผลต่อเสถียรภาพระบบการเงินอย่างมากได้
  2. ภาวะการเงินที่อาจตึงตัวมากขึ้นและส่งผลต่อสภาพคล่องของธุรกิจและครัวเรือน รวมถึง กิจกรรมทางเศรษฐกิจในระยะต่อไป โดยในปี 2567 ภาวะการเงินมีความตึงตัวขึ้น สะท้อนจากสินเชื่อ ที่ขยายตัวในระดับต่ำ และการระดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนที่หดตัว โดยมีสาเหตุทั้งจากความต้องการสินเชื่อที่ลดลง การชำระคืนหนี้ และความเสี่ยงด้านเครดิตของผู้กู้ยืมบางกลุ่มที่สูงขึ้น ทำให้ สถาบันการเงินระมัดระวังในการให้สินเชื่อแก่ผู้กู้กลุ่มนี้ โดยการประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐอเมริกา (สหรัฐฯ)จะเป็นแรงกดดันเพิ่มเติมต่อการลงทุน การค้าและการแข่งขันกับสินค้าจีนที่เข้ามาในไทยมากขึ้น (import Rooding) โดยเฉพาะธุรกิจที่มีการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ในสัดส่วนที่สูงและหาตลาดทดแทนได้ยาก รวมถึง ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (small and medium enterprises: SMEs) ที่มีปัญหาด้านการเข้าถึง สินเชื่อและความสามารถในการแข่งขันอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องไปยังการจ้างงานของธุรกิจเหล่านี้และรายได้ครัวเรือน ทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ของภาคธุรกิจและครัวเรือนลดลง ขณะที่ สถาบันการเงิน และ นักลงทุนมีความระมัดระวังในการให้กู้แก่ผู้กู้ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น อีกทั้งสภาพคล่องที่ลดลงของธุรกิจและครัวเรือนจะเป็นปัจจัยกดดันกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มเติมในระยะข้างหน้าได้
    (3) บริษัทขนาดใหญ่บางรายมีการก่อหนี้ในระดับสูง (highly leveraged large corporations:
    HLLCs) และเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบกับบริษัทอื่น ๆ แม้บริษัทขนาดใหญ่โดยรวมจะมีฐานะการเงินดีซึ่งระดับหนี้ที่สูงโดยเปรียบเทียบของ HLLCS เกิดจาก สถาบันการเงินและนักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อความสามารถในการชำระหนี้ของ HLLCS ที่ส่วนใหญ่มีผลการดำเนินงานดี จึงยังไม่ส่งผลต่อเสถียรภาพในระยะสั้น อย่างไรก็ตามระดับหนี้ที่สูงขึ้นต่อเนื่องเป็นการสะสมความเปราะบาง ทำให้ความสามารถในการรองรับความเสี่ยง (negative shocks) ของบริษัทลดลง โดยเฉพาะ HLLCS ที่มีระดับหนี้สูง มีรายได้และความสามารถในการชำระหนี้ที่ค่อนข้างอ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งหากเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบอย่างมากจากนโยบายการค้าของประเทศต่าง ๆ อาจส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินและการชำระหนี้ของ HLLCS บางรายแก่เจ้าหนี้ที่มีทั้ง สถาบันการเงิน และผู้ลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีทั้งนักลงทุนสถาบันและ บุคคลธรรมดา และอาจส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังความเชื่อมั่นของนักลงทุนและผู้ฝากเงิน รวมถึงอาจ ส่งผลต่อเสถียรภาพระบบการเงินได้หากความเชื่อมั่นลดลงเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะกรณีที่บริษัทมีความเชื่อมโยงกับระบบเศรษฐกิจและการเงินสูง

(4) ฐานะการเงินของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (developer) บางรายที่ได้รับผลกระทบเพิ่มเติมจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวล่าสุด หลังจากที่ภาคอสังหาริมทรัพย์มีการชะลอตัวต่อเนื่องและฟื้นตัวช้า โดยในปี 2567 ภาคอสังหาริมทรัพย์ประสบกับอุปสงค์ที่ลดลงตามกำลังซื้อของประชาชนที่อ่อนแอ และหนีครัวเรือน ที่อยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะผู้กู้ที่มีฐานะการเงินเปราะบาง สะท้อนจากอุปทานคงค้างที่กระจุกตัวอยู่ในกลุ่มที่อยู่อาศัยราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท อีกทั้งเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและอุปสงค์ของอาคารชุดในระยะสั้น ทำให้ developer บางรายที่เน้นพัฒนาอาคารชุดเป็นหลักอาจเผชิญ กับความเสี่ยงด้านชื่อเสียง (reputation risk) และการระบายอุปทานคงค้างของอาคารชุดที่อาจทำได้ยากขึ้นหากอาคารได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งในที่สุดจะกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในระยะยาวได้โดย developer บางรายที่มีฐานะการเงินอ่อนแออยู่แล้วในช่วงก่อนหน้า อาจมีความสามารถในการชำระหนี้ลดลง และกระทบต่อความเชื่อมั่นในตลาดการเงินที่เปราะบางอยู่แล้ว ทำให้ความเสี่ยงในระบบการเงินปรับเพิ่มขึ้นได้

ที่ผ่านมา ธปท. สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) และกระทรวงการคลัง ได้มีการออกนโยบายต่าง ๆ เพื่อรักษาเสถียรภาพระบบการเงินและบรรเทาผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจการเงินที่จะมีต่อลูกหนี้ ทั้งมาตรการชั่วคราวเพื่อ ดูแลความเสี่ยงระยะสั้น ได้แก่ (1) มาตรการที่ช่วยเพิ่มสภาพคล่องเพื่อบรรเทาภาวะการเงินตึงตัวของ ลูกหนี้ ทั้งการคงอัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำของสินเชื่อบัตรเครดิตให้อยู่ที่ร้อยละ 8 มาตรการจ่ายตรงคงทรัพย์ ภายใต้โครงการคุณสู้ เราช่วย ซึ่งช่วยลดค่างวดและยกเว้นดอกเบี้ย หากลูกหนี้สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไข นอกจากนี้ ธปท. ยังได้ขอความร่วมมือ สถาบันการเงิน ในการพิจารณาช่วยเหลือลูกหนี้เพื่อบรรเทาผลกระทบของเหตุการณ์แผ่นดินไหว ผ่านการพิจารณาปรับลดอัตราการผ่อนชำระขันตำของสินเชื่อบัตรเครดิตปรับเงื่อนไขวงเงินฉุกเฉินชั่วคราวสำหรับสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับและสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัลให้เกินกว่าเกณฑ์ที่ ธปท. กำหนด และพิจารณาช่วยเหลือสภาพคล่องและปรับเงื่อนไขสำหรับวงเงินทุกประเภทและ (2) มาตรการเพื่อประคับประคองภาคอสังหาริมทรัพย์ โดย ธปท. ผ่อนคลายหลักเกณฑ์การกำกับดูแล สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (เกณฑ์ loan to value: LTV)เป็นการชั่วคราว เพื่อบรรเทาปัญหาอุปทานคงค้างที่อยู่ในระดับสูงได้บ้าง สอดคล้องกับที่กระทรวงการคลังได้ออกมาตรการการลดค่าธรรมเนียมการโอน และจดจำนองเหลือร้อยละ 0.01 โดยมีผลถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2569 และ (3) มาตรการเพื่อดูแลความผันผวนในตลาดหลักทรัพย์ ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) ได้แก่ การปรับราคาเสนอซื้อขายสูงสุดและต่ำสุด (ceiling & floor) การปรับกรอบการเคลื่อนไหวของราคาซื้อ-ขายหลักทรัพย์ระหว่างวัน (dynamic price band)การห้ามการยืมหลักทรัพย์มาเพื่อขาย (short sell) และ การปรับขอบเขตสูงสุดของการเคลื่อนไหวของราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าและสัญญาสิทธิล่วงหน้าที่อนุญาตให้ทำการซื้อขายได้ (daily price limit)

อีกทั้ง มีมาตรการระยะยาว เพื่อช่วยให้ระบบการเงินมีเสถียรภาพและสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ดียิ่งขึ้น ได้แก่ (1) มาตรการเพื่อสนับสนุนการเข้าถึงสินเชื่อ ทั้งการเตรียมความพร้อมโครงการ Your Data ซึ่งเป็นกลไกในการรับส่งข้อมูลภายในและภายนอกภาคการเงิน เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงสินเชื่อ ด้วยราคาที่เหมาะสม รวมถึงการเตรียมการจัดตั้งสถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ (National Credit Guarantee Agency: NaCGA) เพื่อยกระดับกลไกการค้ำประกันให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนที่หลากหลายด้วยต้นทุนทางการเงินที่เหมาะสมและสอดคล้องกับความเสี่ยง ทั้งนี้ มาตรการข้างต้นยังช่วยสนับสนุนให้ สง. ประเมินความเสี่ยงของลูกหนี้ได้ครบถ้วนและมีประสิทธิภาพ ยิ่งขึ้น (2) มาตรการเสริมสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยสำนักงาน ก็.ล.ต. ได้มีการยกระดับหลักเกณฑ์การอนุญาตให้ออกและเสนอขายตราสารหนี้ภาคเอกชนให้มีความเข้มงวดมากขึ้น รวมถึงปรับปรุงหลักเกณฑ์การเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลที่สามารถวิเคราะห์แนวโน้มความสามารถในการชำระหนี้และฐานะการเงินของผู้ออกตราสารหนี้ได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงมีการเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ที่เกี่ยวข้องในตลาดตราสารหนี้ อาทิ ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ (bondholder representative: BHR)บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (credit rating agency: CRA) และที่ปรึกษาทางการเงิน (financial advisor:FA)
และ (3) มาตรการการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน ทั้งการแก้หนี้เดิมที่มีปัญหาและการวางกรอบแก้หนี้อย่างยั่งยืน เพื่อให้ภาคครัวเรือนมีความสามารถในการรองรับความไม่แน่นอนด้านรายได้ในอนาคตมากขึ้นโดยมีการปรับเงื่อนไขมาตรการช่วยลูกหนี้ที่มีปัญหาหนี้เรื้อรัง (persistent debt) ให้สามารถช่วยลูกหนี้ได้มากขึ้น และออกมาตรการ จ่าย ปิด จบ ภายใต้โครงการคุณสู้ เราช่วย เพื่อให้ลูกหนี้ปิดบัญชีหากชำระหนี้บางส่วน สำหรับหนี้เสียที่ยอดคงค้างไม่เกิน 5,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีการบังคับใช้หลักเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (responsible lending) เพื่อเสริมสร้างบทบาทของผู้ให้บริการในการรับผิดชอบลูกค้าตลอดวงจรหนี้อย่างเหมาะสม รวมทั้งส่งเสริมวินัยทางการเงินผ่านการกระตุกพฤติกรรมตลอดวงจรหนี้.-516-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ. เผยเลื่อนคุย ‘ทหารไทย-กัมพูชา’ ไม่มีกำหนด

29 ก.ค.- โฆษกทบ. เผยเลื่อนคุย ‘ทหารไทย-กัมพูชา’ ไม่มีกำหนด ยังนัดหมายพบปะกันไม่ได้ แต่พยายามอยู่ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พื้นที่กองทัพภาคที่ 2 โดยฝ่ายไทย พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค1 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และฝ่ายกัมพูชา พล.อ.โปว เฮง ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 4 และ พล.อ.แอก ซอมโอน ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 5 ทั้ง 2 ฝ่ายยังนัดหมายพบปะไม่ได้ เลื่อนไป ยังไม่มีระบุเวลา (เดิมเวลา 10.00 น.) แต่ยังพยายามอยู่ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร​” ไม่แปลกใจ กัมพูชาไม่เป็นสุภาพบุรุษ

ทำเนียบ 29 ก.ค.- “แพทองธาร​” ไม่แปลกใจกับความไม่เป็นสุภาพบุรุษของ “กัมพูชา” หลังละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ชี้ต้องฟ้อง ปท. ที่เข้ามาเป็นพยานด้วย บอก​ จะถาม “ภูมิธรรม” ให้ ต้องออกแถลงการณ์โต้หรือไม่​ นางสาวแพทองธาร​ ชินวัตร​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม​ กล่าวถึงกรณีกัมพูชาละเมิดข้อตกลง​หยุดยิง ว่า​ เมื่อสักครู่​ ได้อัปเดตกับทางทีมงาน​ มีการพูดคุยกันว่า​ ถ้าเป็นแบบนี้​ ก็ต้องมีการแจ้งให้ประเทศที่เข้ามาเป็นพยานได้ทราบด้วย​ ว่า​ เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น​ แต่ไม่แปลกใจกับความไม่เป็นสุภาพบุรุษอยู่แล้ว​ เมื่อถามว่ารัฐบาลจะต้องมีการออกแถลงการณ์อีกครั้งหรือไม่​ หลังจากกัมพูชาไม่หยุดยิง นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า เดี๋ยวอันนั้นจะสอบถามนายภูมิธรรม​ เวช​ย​ชัย​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี​.-315 -สำนักข่าวไทย

กองทัพไทยย้ำ! ใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล

29 ก.ค.- กองทัพไทยย้ำ! ใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติและประชาชน หลังกัมพูชาจงใจละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ทำลายความเชื่อมั่นในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน ตามที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาได้ตกลงร่วมกันในการยุติการสู้รบทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยมีผลตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเปิดทางสู่สันติภาพและความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านนั้น วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 พลตรี วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ระบุกองทัพไทย ได้รับการยืนยันว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด หยุดยิงทุกพื้นที่ทันทีที่ถึงกำหนดเวลา โดยยึดมั่นในคำมั่นสัญญาที่รัฐบาลทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันให้ไว้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาหลังจากกำหนดหยุดยิง ฝ่ายกัมพูชายังคงใช้อาวุธยิงเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในหลายจุด ถือเป็นการกระทำที่ จงใจละเมิดข้อตกลง และบ่อนทำลายความเชื่อมั่น ที่ควรมีต่อกันในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน กองทัพไทย ขอประณามพฤติกรรมดังกล่าวของฝ่ายกัมพูชา และขอยืนยันว่า ประเทศไทยมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการโต้กลับ ภายใต้สิทธิในการป้องกันตนเองตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ไทยมิได้ใช้กำลังเพื่อรุกราน แต่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และความปลอดภัยของประชาชน “เมื่อเราหยุด แต่เขาไม่หยุด…โลกต้องได้รับรู้ว่า กัมพูชาคือผู้ละเมิดข้อตกลงอย่างต่อเนื่อง และเป็นฝ่ายที่ไม่เคารพกติกาสากล ไม่ยึดถือข้อตกลงระหว่างประเทศใด ๆ ที่ได้ประกาศไว้ในเวทีระดับโลก และเป็นภัยต่อความมั่นคงของภูมิภาคและของโลก” การยอมรับพฤติกรรมเช่นนี้ เท่ากับเปิดช่องให้ความอยุติธรรมกลายเป็นบรรทัดฐานในระบบระหว่างประเทศ […]

ทบ. ประณาม “กัมพูชา” ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

29 ก.ค.- ทบ. ประณาม “กัมพูชา”ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ขณะที่ไทยยึดมั่นพันธกรณีฯ อย่างเคร่งครัด แต่จำเป็นต้องปกป้องตัวเองตอบโต้อย่างเหมาะสม ขยับเวลาถกผู้นำหน่วยทหารในพื้นที่เป็น 10 โมงเช้า วันที่ 29 กค.68 เวลา 7.30 น. พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายกัมพูชาว่าตามที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันในการยุติการสู้รบทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดบรรยากาศแห่งความสงบ ลดความตึงเครียด และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านนั้น กองทัพบกขอเรียนว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัด โดยได้ทำการหยุดยิง บริเวณพื้นที่แนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ทันทีที่ถึงกำหนดเวลา ด้วยความตั้งใจจริง และยึดมั่นต่อพันธกรณีที่ได้ตกลงร่วมกันของรัฐบาลทั้งสองประเทศ แต่เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งเมื่อถึง กำหนดเวลาดังกล่าว ฝ่ายไทยยังคงตรวจพบว่าฝ่ายกัมพูชาได้มีการใช้อาวุธโจมตีเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอยู่หลายจุด ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างจงใจ เจตนาทำลายระบบความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน กองทัพบกจึงขอประณามต่อการกระทำดังกล่าว ฝ่ายไทยจำเป็นจะต้องใช้มาตราการโต้กลับอย่างเหมาะสม ภายใต้สิทธิอันชอบธรรมในการป้องกันตนเอง ยืนยันฝ่ายไทยไม่ได้ใช้กำลังทหารเพื่อรุกราน แต่เพื่อป้องกันการรุกล้ำและรักษาอธิปไตยของชาติ ภายใต้กฎกติกาสากล พลตรีวินธัย ยังระบุว่า เบื้องต้น การพบปะผู้นำหน่วยทหารในพื้นที่ มีการขยับเวลา […]