ทำเนียบ 30 พ.ย.- โฆษกรัฐบาล เผยรัฐบาลประชาสัมพันธ์มวยไทยเผยแพร่สู่ระดับนานาชาติ มุ่งผลักดันเป็นหนึ่งใน Soft Power เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ และสร้างรายได้ให้คนไทย
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การผนึกกำลังกันของ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (NSDF) คณะกรรมการกีฬามวย สมาคมกีฬามวยไทยสมัครเล่นแห่งประเทศไทยฯ สมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทย และสหพันธ์สมาคมมวยไทยนานาชาติ (IFMA) มุ่งดำเนินโครงการเผยแพร่ศิลปะมวยไทยสู่ต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมกีฬามวยไทย และเผยแพร่สู่ระดับนานาชาติในฐานะ Soft Power พร้อมต่อยอดสินค้าและบริการด้านมวยไทยสู่สากล เพื่อสร้างรายได้ให้กับบุคลากรมวยไทย และเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศด้วยอุตสาหกรรมมวยไทยอย่างเป็นรูปธรรม
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า การเผยแพร่ศิลปะมวยไทยสู่ต่างประเทศ ไทยได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องในหลากหลายแห่ง อาทิ กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี เมื่อวันที่ 15 – 17 กันยายน 2566 และ นครกว่างโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 22 – 24 กันยายน 2566 เป็นต้น ซึ่งล่าสุด ประชาสัมพันธ์กีฬามวยไทยในการแข่งขันรายการ “อีสต์ เอเชี่ยน มวยไทย แชมเปี้ยนชิพ 2023” เมื่อวันที่ 23 – 26 พฤศจิกายน 2566 ณ ควีน อลิซาเบธ สเตเดียม เขตปกครองพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งถือเป็นการแข่งขันมวยไทยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเขตปกครองพิเศษฮ่องกง โดยมีนักมวยไทยจาก 9 ชาติ/ดินแดน ได้แก่ บังกลาเทศ อินเดีย เกาหลีใต้ มองโกเลีย มาเก๊า ญี่ปุ่น ไต้หวัน จีน และฮ่องกง มาร่วมกิจกรรมแข่งขันดังกล่าว
โอกาสนี้ ไทยได้กำหนดมาตรฐานมวยไทย One Standard Muaythai (OSM) เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องทุกคนยึดถือปฏิบัติ จัดแสดงศิลปะแม่ไม้มวยไทยโบราณและคีตะมวยไทย รวมทั้งเปิดคลินิกสอนทักษะมวยไทยให้กับผู้สนใจเข้าร่วมเรียนรู้ทักษะมวยไทย ซึ่งได้รับการตอบรับจากชมรมและสมาคมกีฬามวยไทยแห่งฮ่องกงในการส่งนักกีฬามวยไทยเข้าร่วมอบรมเป็นอย่างดี โดยผู้เข้ารับอบรมจะได้เรียนรู้ทักษะมวยไทยทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติจากผู้เชี่ยวชาญในด้านกีฬามวยไทยจากประเทศไทยโดยตรง
“รัฐบาลขอบคุณทุกการดำเนินการเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการเผยแพร่กีฬามวยไทยให้มีความนิยมมากยิ่งขึ้น ผ่านโครงการเผยแพร่ศิลปะมวยไทยสู่ต่างประเทศตามนโยบายส่งเสริม Soft Power พร้อมเล็งผลักดันให้กีฬามวยไทยได้รับการบรรจุเป็นหนึ่งชนิดกีฬาในการแข่งขันในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ปี 2032 ณ เมืองบริสเบน ประเทศออสเตรเลีย เพื่อให้เป็น Soft Power ที่มีศักยภาพของประเทศ อันจะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมกีฬามวยไทยในระดับนานาชาติอย่างครบวงจร ซึ่งจะกลับมาเป็นการสร้างอาชีพและรายได้ให้กับพี่น้องชาวไทยอีกทางหนึ่ง” นายชัย กล่าว.-316.-สำนักข่าวไทย