กรุงเทพฯ 4 พ.ย. – กรมอุทยานแห่งชาติฯ เตรียมสุขภาพ “น้องกันยา” ลูกช้างป่าภูวัวที่พลัดหลงโขลง ให้พร้อมเคลื่อนย้ายจาก จ.บึงกาฬ ไปยัง จ.เชียงใหม่ เนื่องจากมีเจ้าของปางช้างเสนอให้ไปอยู่กับแม่ช้างที่เพิ่งตกลูก เพื่อให้ “น้องกันยา” ได้กินนมแม่ช้าง เพื่อสร้างเสริมภูมิคุ้มกันและสอนการใช้ชีวิต
นายเผด็จ ลายทอง ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กล่าวว่า ได้รับคำสั่งจากนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่ให้เตรียมสุขภาพของ “น้องกันยา” ลูกช้างป่าพลัดหลง ให้แข็งแรง ขณะนี้ลูกช้างได้รับการอนุบาลอยู่ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว จังหวัดบึงกาฬ
ทั้งนี้ กรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้รับการประสานจากนายธีรภัทร ตรังปราการ ซึ่งเป็นเจ้าของ Patara Elephant Conservation บ้านแม่ขนิลเหนือ ตำบลบ้านปง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ว่าพร้อมจะให้แม่ช้างที่เพิ่งตกลูกเป็น “แม่รับ” ของ “น้องกันยา” โดยเป็นการประสานผ่านนางสาวกัญจนา ศิลปอาชา
สำหรับแม่ช้างของ Patara Elephant Conservation ที่เพิ่งตกลูกชื่อ พังวันดี และมีน้ำนมมาก สามารถใช้เลี้ยง “น้องกันยา” ไปพร้อมกันได้ อีกทั้งที่ฟาร์มยังมีช้างแม่ลูกอ่อนอีก 3 เชือก คือ พังแม่น้อย พังโทเค และพังบือลา รวมถึงมีแม่ช้างใจดีชื่อ พังบัวตอง ซึ่งหากช้างเชือกไหนมีลูกจะเข้าไปช่วยเลี้ยง
หาก “น้องกันยา” ได้มาอยู่ที่ฟาร์มจะได้กินนมแม่ช้างและได้กินมูลแม่ช้างตามธรรมชาติ เพื่อช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ตลอดจนมี “แม่รับ” คอยสอนการใช้ชีวิต และยังจะมีลูกช้างที่เพิ่งตกลูกชื่อ “ธาริน” เป็นเพื่อนด้วย
นายเผด็จ กล่าวว่า ทีมสัตวแพทย์ของกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้ให้ “น้องกันยา” เดินออกกำลังกายทุกเช้า วันละ 20 นาที จากที่ไม่แข็งแรงเมื่อแรกพบ เมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา ขณะนี้แข็งแรงขึ้นตามลำดับ เดินคล่องขึ้นมาก สัตวแพทย์จะตรวจเลือดเพื่อประเมินสุขภาพโดยรวมอีกครั้ง ทั้งยังฝึกให้ขึ้นรถขนย้ายเพื่อสร้างความเคยชิน
ส่วนทีมสัตวแพทย์ของ Patara Elephant Conservation จะกระตุ้นการสร้างนํ้านมของแม่ช้าง 3 เชือก ยกเว้นแม่วันดีที่เพิ่งตกลูกและมีน้ำนมมาก ตลอดจนทำคอกไว้รอรับเรียบร้อยแล้ว
เมื่อประเมินว่า “น้องกันยา” แข็งแรงและพร้อมเดินทาง จะเคลื่อนย้ายจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว จังหวัดบึงกาฬ ไปยัง Patara Elephant Conservation จังหวัดเชียงใหม่ โดยสัตวแพทย์จะดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดการเดินทาง และจะติดตามความเป็นอยู่ของอย่างต่อเนื่อง.-สำนักข่าวไทย