ทำเนียบรัฐบาล 10 ต.ค. – รมช.คลัง ยันทั้งคนและร้านค้าต้องลงทะเบียนเดือนพ.ย.นี้ เพื่อยืนยันตัวตนรับเงินดิจิทัลวอลเล็ต ยันใช้เงินจากงบประมาณเป็นหลัก ไม่มีความคิดขายหุ้นรัฐวิสาหกิจ
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่า จะต้องเปิดให้ลงทะเบียนรับสิทธิ์ เพราะต้องยืนยันตัวตน หรือที่เรียกว่า KYC ซึ่งโชคดีที่โครงการในอดีตของรัฐ มีการทำระบบยืนยันตัวตนเอาไว้ ประชาชนที่มีฐานข้อมูลอยู่แล้วประมาณ 40 ล้านคน ผ่านกระบวนการยืนยันตัวตน
“แต่หากจะเข้าร่วมนโยบายดิจิตอลวอลเล็ต จะต้องมีปุ่มให้กดยืนยัน ว่าจะเข้าสู่โครงการ แต่ถ้าคนที่ยังไม่เข้าสู่กระบวนการยืนยันตัวตน ซึ่งมีประมาณ 10 ล้านคน กฎหมายที่กำหนดผ่านทางธนาคารแห่งประเทศไทยและกฎหมายอื่น ๆ ยังจำเป็นต้องยืนยันตัวตน” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าว
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า การยืนยันตัวตนเพื่อตรวจสอบบุคคลที่ได้รับสิทธิ์กับเลขบัตรประชาชนว่าเป็นบุคคลนั้นจริง ๆ รวมทั้งจะต้องสแกนใบหน้า เพราะเป็นเรื่องของการรับเงิน ซึ่งจะต้องมีความรัดกุมและเป็นไปตามกฎหมาย
ส่วนการลงทะเบียนจะทำให้จำนวนคนที่เข้าร่วมโครงการลดลงหรือไม่ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันว่าไม่เกี่ยว เพราะคนที่จะลงหรือไม่ลงทะเบียนจะเป็นข้อมูลที่ทราบภายหลังอยู่แล้ว การทำโครงการต้องเตรียมวงเงินให้เพียงพอ แต่การยืนยันตัวตนลงทะเบียนเป็นกระบวนการปกติ เพราะในอดีตโครงการของรัฐหลายโครงการ เปิดมาเพื่อให้ประชาชนลงทะเบียนทั่วประเทศ ก็ไม่ได้มีคนมาใช้สิทธิ์ครบทั้ง 70 ล้านคน
“นโยบายครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน เชื่อว่าหากดำเนินโครงการไปแล้ว ตัวเลขอาจจะลดลง ส่วนจะลดลงมากแค่ไหนต้องไปดูความชัดเจนอีกครั้ง ส่วนร้านค้าก็ต้องลงทะเบียนเช่นกัน คาดว่าจะเริ่มเปิดให้ร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการลงทะเบียนได้ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ ส่วนแอปพลิเคชันที่จะนำมาใช้ในนโยบายนี้ ยืนยันว่าจะเป็นแอปฯ ใหม่” นายจุลพันธ์ กล่าว
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ส่วนที่มาของแหล่งเงิน ยืนยันว่ารัฐบาลวางเป้าจะใช้งบประมาณเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม มีตัวเลือกให้รัฐบาล ยืนยันว่าจะเลือกทางเลือกที่ดีที่สุดและเหมาะสมที่สุด ขณะนี้งบประมาณปี 2567อยู่ระหว่างให้หน่วยงานที่ของบประมาณยื่นเข้ามา ซึ่งโครงการไหนที่ไม่มีความจำเป็นหรือดำเนินการไม่ทัน หรือโครงการไหนที่สามารถลดได้ จะต้องปรับลด ส่วนเงินที่เหลือมา ก็ต้องนำมาใช้ในการพัฒนารายการลงทุนในโครงการที่มีความจำเป็น
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ากระทรวงการคลังจะขายหุ้นรัฐวิสาหกิจเพื่อนำเงินมาทำนโยบายนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันว่าไม่มีความคิดดังกล่าว ไม่เกี่ยวกับโครงการที่รัฐบาลดำเนินการอยู่.-สำนักข่าวไทย