ทำเนียบรัฐบาล 10 ต.ค.-“อนุทิน” ระบุสั่งปิดสนามไก่ชนที่นครปฐม หลังเกิดเหตุยิงกัน แม้ไม่ใช่ความผิดโดยตรง แต่ถือว่าดูแลไม่ได้ หวังรัฐบาลที่มีเสียงมากเร่งแก้กฎหมายเกี่ยวกับอาวุธปืน-สิ่งเทียมปืน ต้นตออยู่ที่อาวุธปืน อย่าปล่อยให้เหลือเสียงปริ่มน้ำ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการลงตรวจสนามไก่ชน จังหวัดนครปฐม หลังมีเหตุการณ์ผู้แข่งขันก่อเหตุวิวาทและยิงกัน ว่า เมื่อวานนี้ (9 ต.ค.66) ลงพื้นที่ ขั้นต้นต้องปิดสนามไก่ชนที่เกิดเหตุก่อน ใครจะไปขอนายอำเภอให้เปิดชั่วคราวไม่ได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่า เหตุดังกล่าวไม่ใช่ความผิดของสนามไก่ชนร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะนี่คือสนามชนไก่ ไม่ใช่สนามดวลปืน คนที่มีเรื่องคือผู้ที่ไปเช่าสนามแล้วเกิดการทะเลาะกันทั้งสองฝ่าย จึงบันดาลโทสะใช้อาวุธปืนยิงกัน
“นี่คือเหตุผลที่ไม่ควรมีปืน พอมีปืนจากเดิมที่คิดว่าจะชกจะต่อยกัน ก็กลายเป็นเมื่อบันดาลโทสะอะไรขึ้นมาก็ควบคุมไม่ได้ อย่าไปโทษเจ้าของสนามชนไก่อย่างเดียว แต่ความผิดของเขาคือไม่ควบคุมให้ดี เมื่อเกิดเรื่องแล้วไปบอกว่าเป็นของนักการเมืองหรือนักการเมืองมีหุ้นอยู่ โทรไปขอนายอำเภอให้เปิดเถอะ อย่าปิดเลย ขอบอกว่าไม่ต้องโทรหรอก ไม่ได้เปิดหรอก” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า เวลาเกิดเหตุเช่นนี้ เจ้าของสนามชนไก่ต้องทำแผนเสนอมาที่เจ้าพนักงาน ถ้าอยากจะเปิดต้องทำอย่างไร ถือเป็นความโชคดีที่ตนได้ลงพื้นที่ เพราะจริง ๆ แล้วไม่ใช่เรื่องการปิดสนามชนไก่ แต่เป็นการที่ต้องห้ามพกพาอาวุธปืน หลังจากนี้ต้องมีมาตรการควบคุมทั้งประเทศด้วย เพื่อป้องกันเกิดเหตุซ้ำ เพราะจริง ๆ ระเบียบสามารถปิดสนามไก่ชนได้หมด ถ้าเข้าไปแล้วไม่ป้องกันให้ดี ปล่อยให้ทะเลาะวิวาท มีเหตุรุนแรง มียาเสพติด ต้องได้รับการพิจารณาโทษ
“ผมได้พบกับรักษาการผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม ซึ่งแจ้งว่าไม่ต้องห่วง ขณะนี้ตั้งด่านตรวจค้น แต่ในส่วนของมหาดไทย เราชัดเจนแล้วว่าห้ามออกใบอนุญาตอาวุธปืน ไม่เปิดร้านปืนใหม่ ห้ามจำหน่ายกระสุน อีกหน่อยจะเร่งทำพิสูจน์อัตลักษณ์วิถีกระสุนและอาวุธปืน รวมถึงบีบีกัน สิ่งเทียมปืน แบลงค์กัน ต้องมาขึ้นทะเบียนความเป็นเจ้าของ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าว
เมื่อถามว่า ต้องแก้กฎหมายการควบคุมปืนแบลงค์กันด้วยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้จะทำรายงานให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบ เรื่องการควบคุมอาวุธปืนที่เรามีข้อสั่งการไปตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ากฎหมายปัจจุบันโทษยังไม่รุนแรง หวังว่ารัฐบาลชุดนี้ ซึ่งมีเสียงถึง 320 เสียง อาจจะแก้กฎหมายที่เป็นประโยชน์ ประชาชนเกิดความปลอดภัย ซึ่งเห็นว่าต้องทำตั้งแต่บัดนี้ ไม่ใช่รอไปถึงเสียงรัฐบาลลดลงมาจนเหลือเสียงปริ่มน้ำ.-สำนักข่าวไทย