นนทบุรี 6 ต.ค.-กรมทรัพย์สินทางปัญญา เผยองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) ประกาศผลการจัดอันดับดัชนีนวัตกรรมโลกประจำปี 2566 (Global Innovation Index 2023: GII 2023) โดยมีตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญาหลายด้าน โดยเฉพาะด้านการส่งออกสินค้าสร้างสรรค์ ซึ่งไทยครองอันดับ 1 ของโลกเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ถือเป็นจุดแข็งที่ภาครัฐให้ความสำคัญและส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทยมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้ไทยหลุดจากกับดักประเทศที่มีรายได้ปานกลาง
นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า ดัชนีนวัตกรรมโลกหรือ GII เปรียบเสมือนตัวชี้วัดการจัดอันดับผลการดำเนินงานและสะท้อนขีดความสามารถด้านนวัตกรรมของประเทศในด้านต่างๆ ซึ่งในภาพรวมไทยถูกจัดอยู่อันดับที่ 43 จาก 132 ประเทศ/เขตเศรษฐกิจทั่วโลก และอันดับที่ 5 ในกลุ่มประเทศรายได้ปานกลางระดับสูง (Upper Middle-Income) รองจาก จีน มาเลเซีย บัลแกเรีย และตุรเคีย โดย2 ตัวชี้วัดที่ไทยครองอันดับ 1 ของโลก ได้แก่ ด้านการส่งออกสินค้าสร้างสรรค์ (Creative Goods Export) และการลงทุนสำหรับการวิจัยและพัฒนา (R&D) โดยภาคธุรกิจ (Gross Expenditure on R&D (GERD) Financed by Business) แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยได้มีการนำนวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญามาใช้ในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการในระดับสูง และตระหนักถึงความสำคัญของการทำ R&D เพื่อพัฒนาต่อยอดให้กับภาคธุรกิจ
ทั้งนี้ ในรายงาน GII 2023 ประเทศไทยยังมีตัวชี้วัดเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาที่น่าสนใจอีกหลายด้าน อาทิ จำนวนคำขออนุสิทธิบัตรที่ยื่นโดยผู้มีถิ่นที่อยู่ในไทย สูงเป็นอันดับ 6 ของโลก จากเดิมอันดับ 8 ในปีที่ผ่านมา การใช้จ่ายเกี่ยวกับสินค้าและบริการด้านทรัพย์สินทางปัญญา สูงเป็นอันดับ 16 ของโลก คงที่จากปีที่ผ่านมา จำนวนคำขอสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ยื่นโดยผู้มีถิ่นที่อยู่ในไทย สูงเป็นอันดับ 32 ของโลก จากเดิมอันดับ 34 ในปีที่ผ่านมาจำนวนคำขอสิทธิบัตรผ่านระบบสนธิสัญญาความร่วมมือด้านสิทธิบัตรเพื่อให้ได้รับการคุ้มครองในต่างประเทศ(Patent Cooperation Treaty: PCT) ซึ่งยื่นโดยผู้มีถิ่นที่อยู่ในไทย เป็นอันดับ 57 ของโลก จากเดิมอันดับ 62 ในปีที่ผ่านมา รายได้เกี่ยวกับสินค้าและบริการด้านทรัพย์สินทางปัญญา เป็นอันดับ 61 ของโลก จากเดิมอันดับ 64 ในปีที่ผ่านมา จำนวนคำขอสิทธิบัตรที่ยื่นโดยผู้มีถิ่นที่อยู่ในไทย เป็นอันดับ 71 ของโลก จากอันดับ 73 ในปีที่ผ่านมา เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ผลจากตัวชี้วัด GII ด้านทรัพย์สินทางปัญญา สะท้อนให้เห็นว่า ไทยมีจุดเด่นที่ทุกภาคส่วนตระหนักถึงความสำคัญของทรัพย์สินทางปัญญา และร่วมกันส่งเสริมการสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้พัฒนาบริการออนไลน์ต่างๆ ตามนโยบาย SMART DIP อาทิ การยื่นจดทะเบียนออนไลน์ผ่านระบบ e-Filing ระบบตรวจสอบความเหมือนคล้ายเครื่องหมายการค้าด้วยภาพ ระบบจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาแบบเร่งด่วน ระบบวิเคราะห์แนวโน้มเทคโนโลยีสิทธิบัตร เป็นต้น ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการไทยสามารถจดทะเบียนและรับคำปรึกษาด้านทรัพย์สินทางปัญญาได้อย่างสะดวก รวดเร็วยิ่งขึ้น ตอบโจทย์ภาคธุรกิจในยุคดิจิทัล เพื่อเป้าหมายในการนำพาประเทศไทยก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลางให้สำเร็จ.-สำนักข่าวไทย