กรุงเทพฯ 26 ก.ย. -ธ.ก.ส. แนะเกษตรกรแจ้งพักหนี้ 3 ปี ผ่าน “BAAC Mobile” ดึงเครือข่ายภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา เติมความรู้ ฟื้นฟูลูกหนี้ 3 แสนคน/ปี พร้อมเติมทุนสร้างอาชีพ ไม่เกิน 1 แสนบาท ระหว่างพักชำระหนี้
นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า มาตรการพักชำระหนี้ให้กับเกษตรกร เป็นหนี้ปกติและหนี้ค้างชำระ เงินต้นคงค้าง ณ 30 กันยายน 2566 ไม่เกิน 300,000 บาท จำนวน 2.69 ล้านราย เกษตรกรต้องแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการ เพื่อรับการประเมินศักยภาพ และความสามารถชำระหนี้ การเสริมความรู้ฟื้นฟูทักษะประกอบอาชีพ หากเป็นลูกหนี้ชำระได้ตามปกติ จะเปลี่ยนลำดับการตัดชำระหนี้ต้นเงินและดอกเบี้ยในอัตราส่วน 50:50 ของเงินชำระในแต่ละงวด หากเป็นหนี้ค้างชำระ (NPL) ธนาคารจะจัดสรรชำระต้นเงินให้ทั้งจำนวนที่ส่งชำระในแต่ละครั้ง และเปิดให้ ร่วมมาตรการจูงใจตาม “โครงการชำระดีมีโชค” ของ ธ.ก.ส. ขอย้ำว่า การยื่นความประสงค์ พักชำระหนี้ ต้องเป็นไปตามความสมัครใจของลูกหนี้
เพื่ออำนวยความสะดวก ลดค่าใช้จ่ายเดินทาง ลดความแออัด ที่สาขา ธ.ก.ส. จึงเตรียมให้เกษตรกรลูกค้า แจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ฯ ผ่านแอปพลิเคชัน BAAC Mobile โดยใช้หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้แสดงความประสงค์ พร้อมหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อได้ จากนั้นระบบจะประมวลข้อมูลตรวจสอบคุณสมบัติ หากเข้าเกณฑ์ผู้มีคุณสมบัติตามมาตรการ ธ.ก.ส. จะนัดหมายลูกค้าและผู้ค้ำประกัน ไปที่สาขาหรือจุดบริการ นัดหมาย เพื่อจัดทำเอกสารที่เกี่ยวข้อง โดยแจ้งความประสงค์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 จนถึง 31 มกราคม 2567 รวม 4 เดือน กรณีเกษตรกรไม่สะดวก ติดต่อแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการที่สาขาใกล้บ้านทั่วประเทศ พนักงานพร้อมอำนวยความสะดวก แจ้งความประสงค์ผ่าน BAAC Mobile เพื่อเข้าสู่ระบบการประมวลผลและตรวจสอบสิทธิ์เช่นเดียวกัน
รัฐบาลยังมุ่งช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อน ลดภาระหนี้สินเกษตรกรรายย่อยและเพิ่มรายได้เกษตรกร โดยในระหว่างการพักชำระหนี้ ธ.ก.ส. ได้กำหนดแนวทางการพัฒนาอาชีพ ทั้งอาชีพเดิม อาชีพเสริม และอาชีพใหม่ ภายใต้แนวทาง “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ใหม่” โดยร่วมมือกับ ภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา เพื่อนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีไปใช้เพิ่มมูลค่าผลผลิต การลดต้นทุน การปรับปรุงพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ไปสู่ตลาดที่มีกำลังซื้อสูง เพื่อสร้างรายได้ เป้าหมายเกษตรกร 300,000 คนต่อปี
เช่น การส่งเสริมการปลูกผักระยะสั้น อาทิ การปลูกผักบนแคร่ของชุมชนห้วยเสือเต้น จังหวัดขอนแก่น และการปลูกผักสลัดและมะเขือเทศทานสดของฟาร์มศุข จังหวัดศรีสะเกษ ส่งจำหน่ายไปยังโรงแรมหรือโรงพยาบาลในพื้นที่จังหวัด ช่วยส่งเสริมการบริโภคท้องถิ่น เป็นต้น พร้อมเตรียมผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่เหมาะสมในการฟื้นฟูการประกอบอาชีพ วงเงินสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท เพื่อจัดหาปัจจัยการผลิต มีรายได้มั่นคง หลังการพักชำระหนี้
สำหรับลูกหนี้ที่ประสงค์จะออกจากการเข้าร่วมมาตรการจะต้องแจ้งความประสงค์ต่อ ธ.ก.ส. โดยมีเงื่อนไขดังนี้ 1) ต้องเป็นลูกหนี้ที่เข้าร่วมมาตรการมาแล้วอย่างน้อย 1 ปี 2) ลูกหนี้ที่ประสงค์จะใช้บริการสินเชื่อตามปกติกับ ธ.ก.ส. โดยก่อนการยื่นขอสินเชื่อ จะต้องสละสิทธิ์การเข้าร่วมมาตรการ ซึ่งจะได้รับการพิจารณาวงเงินตามศักยภาพ และ 3) กรณีลูกหนี้ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของมาตรการ เช่น การไม่เข้าร่วมการประเมินศักยภาพและความสามารถในการชำระหนี้ประจำปี หรือไม่เข้าร่วมการอบรมและฟื้นฟูการประกอบอาชีพที่ ธ.ก.ส. กำหนด หรือก่อภาระหนี้เพิ่มขึ้นกับสถาบันการเงินอื่นระหว่างเข้าร่วมมาตรการ ธ.ก.ส. จะพิจารณาให้ออกจากมาตรการดังกล่าว
นายฉัตรชัย กล่าวอีกว่า สิ่งที่อยากฝากย้ำเกษตรกรและบุคคลที่จะเข้าร่วมมาตรการคือ ขอให้ระวังมิจฉาชีพที่อาจใช้โอกาสนี้ นำเรื่องพักชำระหนี้ไปหลอกลวงในรูปแบบต่าง ๆ โดยอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ไปติดต่ออำนวยความสะดวก หรือหลอกลวงให้กดลิงก์ต่าง ๆ แบบอัตโนมัติ จึงขอให้ลูกค้าทุกท่านศึกษาข้อมูลการดาวน์โหลดและใช้งานแอปพลิเคชัน BAAC Mobile ได้บนระบบ IOS และ Android ผ่านทาง App store และ Play store เท่านั้น หรือสอบถามข้อมูลอื่น ๆ ได้ที่ Call Center 02 555 0555 หรือสาขาทั่วประเทศ.-สำนักข่าวไทย