ธ.ก.ส.เร่งขับเคลื่อนมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปีการผลิต 67/68

สุรินทร์ 11 ม.ค. – ธ.ก.ส. ลงพื้นที่ขับเคลื่อนมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปีการผลิต 2567/68 ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ทั้งสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี และสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร กรอบวงเงินรวม 50,000 ล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่องให้เกษตรกรระหว่างชะลอการขายข้าว และป้องกันปัญหาผลผลิตข้าวเปลือกล้นตลาดที่ส่งผลให้ราคาข้าวตกต่ำ ตั้งเป้ารองรับปริมาณข้าวเปลือกรวม 4.5 ล้านตัน


นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) พร้อมด้วยนายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ นายไพศาล หงษ์ทอง นายทองคำ เกตุโชติ รองผู้จัดการ ธ.ก.ส. ลงพื้นที่ขับเคลื่อนมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปีการผลิต 2567/68 ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ได้แก่ สินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี และสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร โดยได้พบปะพูดคุยกับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ ชมขั้นตอนการดำเนินงานและชี้แจงโครงการของพนักงาน ธ.ก.ส. ในพื้นที่ รวมทั้งร่วมวัดยุ้งฉางที่เกษตรกรใช้เก็บข้าวเปลือกในช่วงชะลอการจำหน่าย เพื่อประเมินคุณสมบัติและพิจารณาวงเงินให้กู้ โดยยุ้งฉางต้องผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่โครงการกำหนดไว้ ซึ่ง ธ.ก.ส. ได้มีการจัดบูธให้บริการให้คำแนะนำและการจัดทำสัญญาสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปีนอกสถานที่อีกด้วย โดยมีเกษตรกรผู้มีคุณสมบัติเข้าร่วมโครงการในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ กว่า 600 ราย วงเงินรวม 50 ล้านบาท ณ ศาลากลางหมู่บ้านแสงตะวัน และสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.สุรินทร์ จำกัด ตำบลตาอ็อง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์

นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธ.ก.ส. เปิดเผยว่า ตามที่ ธ.ก.ส. ได้ดำเนินมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกหอมมะลิ ปีการผลิต 2567/68 ตามนโยบายรัฐบาล กรอบวงเงินรวม 50,000 ล้านบาท ผ่านสินเชื่อ 2 โครงการ ได้แก่ สินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2567/68 กรอบวงเงินรวม 35,000 ล้านบาท และสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2567/68 กรอบวงเงินรวม 15,000 ล้านบาท เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกในตลาด ป้องกันปัญหาผลผลิตล้นตลาดที่ส่งผลให้ราคาข้าวตกต่ำ รวมถึงเสริมสภาพคล่องให้แก่เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2567/68 และสถาบันเกษตรกรที่รับรวบรวมข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2567/68 ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนอัตราดอกเบี้ยต่ำและมีเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานประกอบอาชีพและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตามจำเป็นในระหว่างชะลอการขายข้าวเปลือก นอกจากนี้สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ธ.ก.ส. ยังพร้อมสนับสนุนค่าฝากเก็บ และรักษาคุณภาพข้าวเปลือกให้เกษตรกรอีก 1,500 บาทต่อตัน กรณีเกษตรกรเก็บข้าวเองได้รับ 1,500 บาทต่อตัน กรณีเกษตรกรฝากข้าวกับสถาบันเกษตรกร เกษตรกรจะได้รับ 500 บาทต่อตัน และสถาบันฯ จะได้รับ 1,000 บาทต่อตัน ซึ่งคาดการณ์ว่าโครงการดังกล่าวจะสามารถรองรับปริมาณข้าวเปลือกได้รวมกว่า 4.5 ล้านตัน


นายฉัตรชัย ยังกล่าวด้วยว่า สำหรับสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.สุรินทร์ จำกัด (สกต.สุรินทร์) ถือเป็นต้นแบบสหกรณ์การเกษตรขนาดใหญ่พิเศษ ที่มีสมาชิกกว่า 120,500 คน ที่มีชื่อเสียงในการดำเนินงานด้านการรับซื้อ-รวบรวมผลผลิตข้าวจากสมาชิกเกษตรกรในพื้นที่ และการแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิต โดยเริ่มจากการรับซื้อข้าวเปลือก ทั้งข้าวสดและข้าวแห้ง จากสมาชิกเกษตรกร โดยให้ราคาเฉลี่ยสูงกว่าตลาด เฉลี่ยตันละ 12,000-15,000 บาท เพื่อเป็นการสร้างรายได้ที่มั่นคงและลดความกังวลด้านความผันผวนของราคาข้าวในตลาดให้กับเกษตรกรในพิ้นที่ โดย สกต. จะนำข้าวไปจำหน่ายในรูปแบบของข้าวเปลือก และนำข้าวเปลือกมาแปรรูปด้วยการสีแปรข้าวเปลือกหอมมะลิไปสู่ข้าวสาร ด้วยโรงสีข้าวของ สกต.สุรินทร์ ที่มีกำลังการผลิต 120 ตันต่อวัน โดยวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ข้าวสารให้กับสมาชิกเครือข่ายสหกรณ์และร้านค้าในและต่างจังหวัด ภายใต้แบรนด์ “สกต.สุรินทร์” และ “A-Rice” รวมถึงการรับผลิตข้าวสารให้กับผู้ประกอบการร้านค้าปลีก โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา สกต.สุรินทร์ สามารถผลิตและจำหน่ายข้าวสารได้ปริมาณกว่า 3,800 ตัน และสามารถสร้างรายได้เป็นเงินกว่า 116 ล้านบาท และยังได้เข้าร่วมมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ในปีการผลิต 2566/67 โดยสามารถรวบรวมข้าวได้ปริมาณกว่า 102,000 ตัน เป็นเงินกว่า 1,249 ล้านบาท

ส่วนปี 2568 สกต.สุรินทร์ ได้เข้าร่วมโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2567/68 ภายใต้วงเงินให้กู้กว่า 200 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายการรับซื้อข้าวสดจากสมาชิกเกษตรกร ราคาเฉลี่ยตันละ 12,000 บาท ซึ่งคาดการณ์ว่าจะสามารถรวบรวมข้าวเปลือกในรูปแบบของข้าวสดได้เป็นจำนวนกว่า 80,000 ตัน เป็นเงินจำนวน 964 ล้านบาท.-517-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]

“ภูมิธรรม” อุบตอบรายละเอียดถก GBC บอกทิศทางดี

ทำเนียบรัฐบาล 6 ส.ค.- “ภูมิธรรม” อุบตอบรายละเอียดถก GBC ไทย-กัมพูชา ขอพูดทีเดียวหลังเจรจา บอกทิศทางดี ด้าน “บิ๊กเล็ก” หวังพรุ่งนี้มีข่าวดี มั่นใจ 90% ยอมรับกังวลบ้าง แต่มีผู้สังเกตการณ์ประเทศอื่น เขมรคงไม่กล้า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และคณะรัฐมนตรีชุดเล็ก ว่า ที่ประชุมวันนี้ได้รับฟังข้อมูลจากคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ฝ่ายเลขานุการ รายงานผลการหารือ ในช่วงวันที่ 4-6 สิงหาคม จากการพูดคุยมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดี โดยจะแถลงรายละเอียดเมื่อมีการหารือเสร็จสิ้นในช่วงบ่ายของวันพรุ่งนี้ (7 ส.ค.68) ซึ่งการเจรจาในวันพรุ่งนี้ได้ให้แนวทาง พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อเข้าร่วมการประชุม เพื่อให้ได้ข้อยุติอย่างดีที่สุด พร้อมยืนยันว่าในการหารือครั้งนี้จะไม่มีการพูดคุยถึงเรื่องเขตแดนไทย-กัมพูชา ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ยังไม่สามารถตอบได้ ด้านพลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยภายหลังการประขุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ว่า มีความมั่นใจ […]