กรุงเทพฯ 21 ส.ค. – “รัฐมนตรีมนัญญา” เปิดนิทรรศการ “5 ทศวรรษแห่งการพัฒนาวิชาการเกษตรไทยและการก้าวไปในทศวรรษที่ 6” โชว์ผลงานวิจัยเด่น อธิบดีกรมวิชาการเกษตรร่วมเสวนาหัวข้อ “ความมั่นคงทางอาหารและการเกษตรภายใต้ปรากฎการณ์เอลนีโญและโอกาสการค้าตลาดคาร์บอนเครดิตในการผลิตพืชของไทย”
นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีเปิดงานนิทรรศการ“5 ทศวรรษแห่งการพัฒนาวิชาการเกษตรไทยและการก้าวไปในทศวรรษที่ 6” ณ ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ โดยกล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีบทบาทในการยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรให้มีความมั่นคง พัฒนาเศรษฐกิจภาคการเกษตรและสหกรณ์ให้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ โดยกรมวิชาการเกษตรเป็นหน่วยงานหลักในการค้นคว้าวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อนำมาต่อยอดและใช้ประโยชน์ได้จริง ซึ่งส่วนสำคัญที่ช่วยให้ภาคการเกษตรไทยได้ต่อยอดในเชิงพาณิชย์ และก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจมากมาย อาทิ การส่งออกผลไม้ไปยังต่างประเทศมูลค่า 2 แสนล้านบาท 2 ปีซ้อน การเพิ่มศักยภาพการส่งออกผักและผลไม้ทางรถไฟ ไทย – ลาว – จีน และทางอากาศโดยจัดตั้งศูนย์บริการตรวจศัตรูพืชเพื่อการส่งออกแบบเบ็ดเสร็จ การพัฒนางานวิจัยในรูปแบบตลาดนำการวิจัยสู่เกษตรมูลค่าสูง โดยทิศทางการดำเนินงานจากนี้ไป ได้เน้นย้ำให้ขยายผลงานวิจัยสู่เกษตรกรอย่างกว้างขวางและทั่วถึง
“การจัดงานในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญที่กรมวิชาการเกษตรจะได้เผยแพร่ความรู้ ผลงานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่โดดเด่นตลอดระยะเวลา 5 ทศวรรษของการดำเนินงาน และทิศทางการดำเนินงานในทศวรรษที่ 6 เชื่อมั่นว่ากรมวิชาการเกษตรมีความพร้อมที่จะนำพาเกษตรกรไทย และการผลิตสินค้าเกษตร ให้เป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและระดับสากลได้ และเชื่อมั่นว่าการจัดงานในครั้งนี้ จะเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาคนไทยและทั่วโลกว่า ผลงานและความสำเร็จของกรมวิชาการเกษตร ในฐานะผู้พัฒนาและส่งเสริมงานวิจัย พัฒนาผลงานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรม ให้สามารถนำไปต่อยอดและใช้ประโยชน์ได้จริง สร้างคุณค่างานวิจัยให้เติบโต เข้มแข็งและยั่งยืนได้ และจะสามารถเติบโตและก้าวสู่ทศวรรษที่ 6 ได้อย่างสมบูรณ์แบบ” รมช.มนัญญา กล่าว
นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า การจัดงานนิทรรศการครั้งนี้เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นมาของกรมวิชาการเกษตร โดยมีส่วนจัดแสดงผลงานวิจัยค้นคว้าที่ประสบความสำเร็จ เพื่อถ่ายทอดแนวคิดและประโยชน์ที่ได้รับจากงานวิจัยดังกล่าว ต่อสายตาคนไทยทั่วประเทศและต่างชาติทั่วโลก โดยภายในงาน มีการจัดส่วนแสดง แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้
1. ส่วนจัดแสดงนิทรรศการ Milestone ประวัติกรมวิชาการเกษตร เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็นมากว่า 5 ทศวรรษกว่าจะมาเป็นกรมวิชาการเกษตรในปัจจุบัน ในการเป็นหน่วยงานที่มีภารกิจในการดำเนินงานด้านการค้นคว้าวิจัยและพัฒนาปรับปรุงพันธุ์พืช เครื่องจักรกล และเทคโนโลยีทางการเกษตรด้านต่างๆ เพื่อยกระดับมาตรฐานการผลิตการพัฒนาผลผลิตทางการเกษตรให้มีคุณภาพและปลอดภัย สำหรับการบริโภคทั้งในและต่างประเทศ และเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
2. นิทรรศการโชว์ผลงานวิจัยดีเด่น โดยตลอดระยะเวลากว่า 50 ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน โดยกรมวิชาการเกษตรได้มีผลงานวิจัยและเทคโนโลยีมากมายที่จะช่วยให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รวมถึงเป็นส่วนช่วยให้ภาคการเกษตรไทยได้ต่อยอดในเชิงพาณิชย์ผ่านงานวิจัยต่างๆ ที่จะ ก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจมากมาย รวมถึงการการวางมาตรการการแก้ไขปัญหาการส่งออกสินค้าเกษตรสำคัญของประเทศ
3. บูธกิจกรรมร่วมสนุกภายใต้คอนเซ็ปต์ “DIY Growth : Growth & Share” กิจกรรมที่จะชวนให้ผู้เข้าร่วมงาน ได้ร่วมกันปลูกต้นไม้ และถ่ายภาพอวดลงโซเชียลมีเดีย และเฝ้ามองการเติบโตไปพร้อมกัน
อธิบดีกรมวิชาการเกษตรยังร่วมเสวนาในหัวข้อ “ความมั่นคงทางอาหารและการเกษตรภายใต้ปรากฏการณ์เอลนีโญและโอกาสการค้าตลาดคาร์บอนเครดิตในการผลิตพืชของไทย” โดยดำเนินงานโครงการนำร่องด้านคาร์บอนเครดิต”DOA Green Together” ในพืชเศรษฐกิจได้แก่ อ้อย ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง ข้าวโพด ยางพารา รวมทั้งไม้ผลได้แก่ ทุเรียนและมะม่วง ทั้งยังพัฒนาแปลงต้นแบบการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สอดคล้องกับมาตรฐานการผลิตพืชหรือ GAP
ส่วนการรับปรากฏการณ์เอลนีโญนั้น ได้เตรียมองค์ความรู้เพื่อแนะนำเกษตรกรได้แก่ การปลูกพืชใช้น้ำน้อย การปลูกพืชไร่ทนแล้งโดยเป็นพันธุ์ที่กรมวิชาการเกษตรพัฒนาขึ้น การใช้เทคโนโลยีการเกษตรอัจฉริยะเพื่อควบคุมการใช้น้ำการใช้เทคโนโลยีชีวภาพเพื่อป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่อาจระบาดจากเอลนีโญเพื่อช่วยให้เกษตรกรรับสถานการณ์ได้.-สำนักข่าวไทย