fbpx

ญาติเศร้ารับศพเหยื่อรถไฟชนกระบะขนคนงาน

กรุงเทพฯ 5 ส.ค. – ครอบครัวของผู้เสียชีวิต 8 ราย จากเหตุรถไฟชนรถกระบะขนคนงานที่ จ.ฉะเชิงเทรา ทยอยมาติดต่อรับร่างผู้เสียชีวิต ที่สถาบันนิติเวชฯ รพ.ตำรวจ ท่ามกลางความโศกเศร้า


จากเหตุการณ์รถไฟขนแป้งชนเข้ากับรถกระบะคนงาน จนมีผู้เสียชีวิต 8ราย บาดเจ็บ 4 ราย เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 3 ส.ค.66 ล่าสุดบรรยากาศที่สถาบันนิติเวชฯ รพ.ตำรวจ ซึ่งเป็นสถานที่ตรวจพิสูจน์สาเหตุการเสียชีวิต มีญาติของผู้เสียชีวิตทยอยเดินทางมาติดต่อรับร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 8 ราย ด้วยความโศกเศร้าเสียใจ 

น.ส.อรอนงค์ ลูกสาวของนายสุนทร อายุ 55 ปี หนึ่งในผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก ไม่ทันได้เตรียมใจอะไรเลย เพราะก่อนที่พ่อจะออกไปทำงานในเช้าวันนั้น ยังให้ตนทำอาหารให้กินก่อนออกไปทำงานอยู่เลย พอพ่อออกไปไม่ถึง 1 ชั่วโมง ก็มีคนโทรมาบอกว่ามีอุบัติเหตุรถไฟชนรถคนงาน คาดว่าจะเป็นรถของพ่อตน จึงรีบไปดู  เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่แจ้งว่า พ่อเสียชีวิตแล้ว ตอนนั้นเสียใจมาก ทำอะไรไม่ถูก พ่อตนเป็นคนขยันมาก หาเลี้ยงครอบครัว และเป็นเสาหลักของครอบครัวเลยก็ว่าได้ พ่อมีลูก 2 คน คือ ตนและพี่สาว พ่อก็จะดูแลเราตลอดเวลา ขาดตกบกพร่องอะไร เคยถามพ่อเหมือนกันว่า ทำไมถึงมาทำงานรับจ้างแบบนี้ พ่อบอกว่าทำงานรับจ้างมีเวลาเยอะ พอเสร็จงานนี้ ก็ไปรับงานอื่นต่อได้ ในแต่ละวันพอทำงานจับปลาเจ้าหนึ่งเสร็จ ก็จะไปรับจ้างจับปลาเจ้าอื่นต่อ หรือถ้าเวลาเหลือก็ไปรับจ้างตัดหญ้า บางครั้งตนก็รู้สึกผิดว่า เราทำงานไม่เพียงพอที่จะดูแลพ่อกับแม่ ทำให้พวกเขาต้องทำงานหนักอยู่แบบนี้


ส่วนเรื่องคดี ตนห่วงว่าพ่ออาจจะเสียชีวิตฟรี อาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับการติดต่ออะไร ส่วนทางตำรวจก็ยังไม่คืบหน้าเลย คิดว่าวันจันทร์นี้จะเดินทางไปติดตามความคืบหน้าคดีที่ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา

ด้านนายโสภณ อายุ 45 ปี แฟนของ น.ส.สุลีรัตน์ อายุ 23 ปี หนึ่งในผู้เสียชีวิต ระบุว่า ตนคบหากับผู้เสียชีวิตได้ประมาณ 2 ปี และมีลูกเล็กด้วยกัน 1 คน วัย 1 ขวบ ทั้งคู่ประกอบอาชีพรับจ้างจับปลาเหมือนกัน โดยมีคนขับรถเป็นหัวหน้างาน ในวันเกิดเหตุ ผู้เสียชีวิตได้เดินทางออกไปรับจ้างจับปลา ส่วนตนนั้นไม่ได้ไปด้วย เพราะอยู่บ้านดูแลลูก ซึ่งตนก็ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น จนทำให้แฟนสาวของตนจากไปอย่างกะทันหัน ตนช็อกและตกใจมาก ยังไม่รู้เลยว่าหลังจากนี้จะดูแลลูก หรือวางแผนชีวิตอย่างไร

ส่วนคนขับรถ จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มาขอโทษ หรือออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์สูญเสียครั้งนี้แต่อย่างใด โดยปกติแล้วคนขับรถมีพฤติกรรมขับรถหวาดเสียว อันตราย และชอบขับรถโดยประมาท ซึ่งจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ตนได้ข้อมูลจากหลายคนว่า ตัวคนขับเองไม่ได้ระมัดระวัง และคิดว่าคงข้ามทางรถไฟพ้น จึงขับฝ่าออกไป ทั้งที่รถไฟกำลังพุ่งมา จนเกิดเหตุพุ่งชนใส่ กลายเป็นการพาทั้ง 8 ชีวิตไปตาย ตนรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก และถ้าหากว่าคืนนั้นตนนั่งรถไปด้วย ก็เชื่อว่าคงเสียชีวิตเช่นเดียวกัน ตนอยากให้คนขับรถแสดงความรับผิดชอบ และเยียวยาการสูญเสียที่เกิดขึ้น หลังจากนี้ตนจะไม่ไปทำงานกับคนขับรถคนนี้อีกแล้ว และในวันจันทร์นี้ ตนจะไปติดตามความคืบหน้าทางคดีที่ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา หากคนขับรถไม่รับผิดชอบใดๆ จะฟ้องร้องเอาเรื่องทางคดีให้ถึงที่สุด


ทั้งนี้ มีรายงานว่า ร่างของผู้เสียชีวิตจะทยอยออกจากสถาบันนิติเวชฯ รพ.ตำรวจ เพื่อแยกย้ายกันไปบำเพ็ญกุศลตามศาสนา โดยนายสายยนต์ อายุ 62 ปี และนางสุนทรี อายุ 44 ปี นำร่างไปบำเพ็ญกุศลที่วัดบัวโรย จ.สมุทรปราการ นายสุนทร อายุ 44 ปี นำร่างไปบำเพ็ญกุศลที่วัดราชโกษา กรุงเทพมหานคร นางวารี อายุ 64 ปี นายสุรพล อายุ 60 ปี และนายณัฐชัย อายุ 18 ปี นำร่างไปบำเพ็ญกุศลที่วัดศรีวารีน้อย จ.สมุทรปราการ น.ส.สุลีรัตน์ อายุ 22 ปี นำร่างไปบำเพ็ญกุศลที่วัดหัวกรด จ.ปราจีนบุรี และนายธนาวัฒน์ นำร่างไปบำเพ็ญกุศลที่วัดคลองชวดลากข้าว จ.สมุทรปราการ. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

ฆ่ารัดคอขับโบลท์

รวบ “ไอ้แม็ก” ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ พบเคยถูกจับคดีโหด

จับแล้ว “ไอ้แม็ก” เดนคุก ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ ทิ้งร่างอำพราง ริมถนนห้วยพลู จ.นครปฐม ก่อนเอารถไปขาย สอบประวัติ พบเพิ่งพ้นโทษ คดีล่ามโซ่ล่วงละเมิดเด็กวัย 13 ปี นาน 1 สัปดาห์ เมื่อปี 2553

พายุโซนร้อนซูลิก

ฤทธิ์พายุโซนร้อนซูลิก ทำฝนเริ่มตกหนักในพื้นที่นครพนม

ฤทธิ์พายุโซนร้อน “ซูลิก” ทำฝนเริ่มตกหนักในพื้นที่ จ.นครพนม เจ้าหน้าที่ต้องเร่งเดินเครื่องสูบน้ำลงน้ำโขง

อุตุฯ เตือนพายุ “ซูลิก” ฉบับที่ 12 ฝนถล่มหลายจังหวัด

กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนพายุ “ซูลิก” ฉบับที่ 12 ภาคเหนือ อีสาน กลาง รวมทั้งกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากกับมีลมแรง