อุดรธานี 2 ส.ค. – สุดสะทือนใจ ลูกชายที่พ่อเลี้ยงมาตามลำพัง ตั้งแต่ 1 ขวบ หลังแม่หนีไป ตกเป็นทาสยาเสพติด ใช้มีดฟันหัวพ่อเสียชีวิต อ้างจะกินข้าวแต่โดนด่า
ตำรวจ สภ.โนนสูง อ.เมือง จ.อุดรธานี รับแจ้งเหตุลูกใช้มีดฟันพ่อเสียชีวิต ที่กระท่อมนาท้ายบ้านโนนมะเขือ จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบ พร้อมแพทย์เวร โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี อาสากู้ภัยมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรม ที่เกิดเหตุเป็นเถียงนาไม้ยกพื้นสูงใน ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี หลังเถียงนา พบศพนายอุบล อายุ 57 ปี นอนคว่ำหน้าจมกองเลือดที่พื้นดิน สภาพศพไม่สวมเสื้อ สวมกางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน ใส่รองเท้าแตะ ถูกฟันด้วยของมีคมที่หัวด้านหลัง 1 แผล ลึกถึงกะโหลก พบมีดพร้าวางอยู่ข้างโอ่งน้ำ จึงเก็บเป็นหลักฐาน ส่วนผู้ก่อเหตุ คือ นายอุ้มบุญ อายุ 32 ปี ลูกชายผู้ตาย หลังก่อเหตุอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า นั่งอยู่บนเถียงนา
จากการสอบสวน พบว่า นายอุ้มบุญ ผู้ต้องหายังให้การวกไปวนมา จับใจความได้ว่า ก่อนเกิดเหตุเดินไปเอากระติบข้าวกับน้ำพริกปลาร้าขึ้นมากินบนเถียงนา แต่โดนพ่อด่าว่าอย่าเอาข้าวมากินบนเถียงนา และบ่นอีกหลายเรื่อง ทำให้รู้สึกโมโห จึงคว้าไม้หรือมีดพร้าไล่ตีพ่อ 3 ครั้ง จากนั้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้านั่งอยู่บนเถียงนา ยอมรับว่าวันนี้ เสพยาบ้าไป 2 เม็ด กินเหล้าขาว 3 แก้วเล็ก
ส่วนนางนิตยา อายุ 39 ปี หลานผู้ตาย เล่าว่า ผู้ตายเป็นน้องชายแม่ และเป็นพ่อหม้ายภรรยาหนีไป ตอนนายอุ้มบุญ อายุได้ 1 ขวบ ผู้ตายอาศัยอยู่เถียงนาของแม่ กับนายอุ้มบุญ ซึ่งก่อนหน้านี้นายอุ้มบุญเคยไปทำงานรับจ้างที่ต่างจังหวัด และเพิ่งกลับมาอยู่กับผู้ตายได้ 4-5 เดือน นายอุ้มบุญจะเป็นคนไม่ค่อยพูด ไม่สุงสิงกับใคร และไม่ยอมไปทำงาน ญาติพี่น้องก็ให้พ่อและลูกทำงานในไร่นา พอตกเย็นนายอุ้มบุญจะขึ้นมาเอากับข้าวที่บ้านของตนลงไปกินด้วยกันกับพ่อที่เถียงนา เป็นประจำทุกวัน
ก่อนเกิดเหตุ วันนี้ญาติพี่น้องทุกคนได้ไปช่วยกันดำนา แต่นายอุ้มบุญไม่ยอมไปช่วย มีแต่ผู้ตายลงไปช่วย พอตกเย็นนายอุ้มบุญก็เดินมาบ้านตน ซึ่งอยู่ห่างจากเถียงนาประมาณ 300 เมตร เพื่อมาเอาต้มไก่และข้าวไปกิน ซึ่งญาติพี่น้องก็ให้ไปไม่ได้ว่าอะไร หลังจากนายอุ้มบุญเอากับข้าวไปแล้ว ก็ได้ยินเสียงผู้ตายร้องเสียงเอะอะโวยวาย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติของพ่อลูกคู่นี้ ตนจึงบอกให้สามีขี่รถไปดู เมื่อกลับมาบอกว่านายอุบล เสียชีวิตแล้ว จึงแจ้งตำรวจเข้ามาตรวจสอบ
เบื้องต้น ควบคุมตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลาง และแจ้งข้อหาฆ่าบุพการี ส่วนศพได้มอบให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป.-สำนักข่าวไทย