ก้าวไกลเปิดหลักฐาน “ศักดิ์สยาม” เพิ่ม

ก้าวไกล 25 ก.ค. – “ปกรณ์วุฒิ” เปิดหลักฐานเพิ่ม ตั้งข้อสงสัยงบการเงินบริษัท “ศักดิ์สยาม” แฉอาจเกี่ยวข้องฟอกเงิน เตรียมยื่น DSI เพิ่ม ยันพรรคไฟเขียว เชื่อไม่กระทบจัดตั้งรัฐบาล เพราะเป็นการตรวจสอบที่ทำต่อเนื่อง ประกาศจุดยืนชัดเจนดีเอ็นเอพรรค พร้อมตรวจสอบรัฐมนตรีพรรคด้วย


นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมคดีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซุกหุ้นห้างส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตัคชัน จนนำมาสู่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายศักดิ์สยามหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว

นายปกรณ์วุฒิ เปิดเผยว่า ได้รับเอกสารชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาเมื่อ 3-4 สัปดาห์ก่อน และพบพิรุธหลายจุด พบหลักฐานใหม่ว่ามีหนี้สินคงค้างกับห้างหุ้นส่วนฯ ในวันเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี และไม่ได้ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. มีข้อมูลว่าเคยกู้เงิน ในปี 2558-2559 จำนวน 4 ครั้ง วงเงิน 108.4 ล้านบาท มีสัญญากู้ยืมเงิน และชำระหนี้คืนทั้งก้อน 22 เม.ย. 2562 ก่อนเข้ารับตำแหน่ง 33 วัน โดยอ้างอิงว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อปี 2565 ซึ่งได้อภิปรายถามว่าหนี้สินที่นายศักดิ์สยามมีกับห้างหุ้นส่วนแห่งนี้ ได้โอนออกพร้อมกับการโอนหุ้นหรือไม่ แต่ไม่เคยได้รับคำตอบ


“ข้อมูลดังกล่าวที่ไม่เปิดเผยชี้ให้ห็นว่าหลังจากการโอนหุ้นแล้วไม่ได้โอนหนี้สินก้อนนี้ออกไปด้วย เอกสารเป็นการมัดตัวว่าหนี้สินจำนวนนี้ยังเป็นของนายศักดิ์สยามอยู่หลังการโอนหุ้นเมื่อปี 2561 จึงเกิดคำถามว่ามีการชำระหนี้คืนเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2562 จริงหรือไม่ เพราะงบการเงินของห้างหุ้นส่วนสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2562 ระบุชัดเจนว่ายังมีเงินให้ในส่วน ผู้จัดการกู้ยืมคงค้างอยู่ 38 ล้านบาท จากนั้นยอดหนี้สินจึงถูกปิดลงเหลือ 0 บาท ในงบการเงินสิ้นปี 2563 ซึ่งการปิดงบจะต้องสอดคล้องกับเอกสารและยอดเงินในธนาคารทั้งหมดของห้างหุ้นส่วน เพราะจะต้องยื่นต่อหน่วยงานราชการตามกฎหมาย จึงเป็นไปได้ว่านายศักดิ์สยามเป็นหนี้ห้างหุ้นส่วนอยู่ 38 ล้านบาท ในสิ้นปี 2562 และไม่ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. สมมติมองในแง่ดี วันที่ 22 เมษายน 2562 มีการโอนเงิน 108 ล้านบาท ให้ห้างหุ้นส่วนตามเอกสาร” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว

นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า พิรุธประการต่อไป เมื่อพิจารณาเอกสารชี้แจงจะพบว่าห้างหุ้นส่วนได้ระบุว่านายศักดิ์สยามกู้ยืมเงิน 4 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2559, 2560, 2561 ระบุยอดตรงกัน 69 ล้านบาท ซึ่งตรงกับการกู้ยืมครั้งที่ 3-4 รวมกัน แต่การกู้เงินครั้ง 1-2 เป็นจำนวนเงิน 39 ล้านบาท ตั้งคำถามทำไมไม่เคยปรากฏในงบการเงินแม้แต่ครั้งเดียว และยอดเงินจำนวนดังกล่าวมาจากไหน ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าอาจไม่ได้ชำระหนี้ และยังมียอดหนี้คงค้างตามงบการเงิน จึงใช้วิธีหายอดเงินที่โอนเข้าห้างหุ้นส่วนจริงๆ ซึ่งอาจเป็นการทำธุรกรรมเพื่อการอื่นมากล่าวอ้างว่าเป็นการใช้หนี้ แต่ยอดเงินดังกล่าวไม่ตรงกับ 69 ล้านบาท จึงต้องสร้างยอดหนี้ใหม่ที่ไม่เคยปรากฏ ทำสัญญาเงินกู้ขึ้นมาที่ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญนั้นมีการติดอากรแสตมป์ที่จะมีการประทับวันที่มีผลทางกฎหมายเป็นทางการหรือไม่ โดยชี้ว่าเป็นอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. ที่จะสืบสวนต่อไป

“ข้อสงสัยมากที่สุดคือตัวเลขในการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินไม่สอดคล้องกับการขายหุ้นของห้างหุ้นส่วนดังกล่าว หากขายจริงและได้รับเงิน 120 ล้านบาทจริงในเดือนมกราคม 2561 เหตุใดในการยื่นทรัพย์สินในช่วง 16 เดือนหลังจากนั้นกลับมีเงินสดซึ่งเป็นเงินฝากเพียงจำนวน 76 ล้านบาท ซึ่งหากเป็นตัวเลขจริงอาจเป็นการใช้เงินที่ไม่ใช่การซื้อทรัพย์สินอย่างน้อย 40 ล้านบาท ภายใน 16 เดือน และตัวเลข 40 ล้านบาท ตั้งอยู่บนสมมติฐานว่าก่อนเดือนมกราคม 2561 นายศักดิ์สยามไม่มีเงินเลยแม้แต่บาทเดียว ซึ่งจากการชี้แจงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจของนายศักดิ์สยามว่าเงินจากการขายหุ้นเป็นเรื่องส่วนตัวที่จะนำไปใช้ จึงไม่จำเป็นรายงานต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จึงตั้งข้อสงสัยว่าหากมีการจ่ายเงินคืนหนี้สิน 22 เมษายน 2562 เหตุใดนายศักดิ์สยามจึงไม่นำข้อมูลหลักฐานมาชี้แจงในสภาฯ ซึ่งหนี้สินก้อนนี้คือฟางเส้นสุดท้ายในการยึดโยงนายศักดิ์สยามกับห้างหุ้นส่วนแห่งนี้” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว


นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า หากชำระหนี้ไปแล้วจริงจะเป็นหลักฐานสำคัญว่าได้ตัดขาดจากห้างหุ้นส่วนแห่งนี้โดยเด็ดขาด และจะสามารถหักล้างข้อสงสัยได้ทันทีทันใด และยอมรับว่าจะกลายเป็นมาติดทำให้ตนเองนั้นถูกน็อกกลางสภาฯ แต่นายศักดิ์สยามไม่ชี้แจงว่านำเงินจากการขายหุ้นมาใช้คืนหนี้สินให้กับทางหุ้นส่วนจำกัดแห่งนี้มูลค่า 108 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบพิรุธในเอกสารที่ได้ส่งที่แจ้งต้องถามรัฐธรรมนูญหลายจุดเช่น นายศักดิ์สยามให้ขอเอกสารจากห้างหุ้นส่วนฯ เป็นเอกสารใบรับวางบิล หุ้นส่วนฯ ผู้จัดการคนใหม่ได้เข้ามาควบคุมเซ็นเอกสารตั้งแต่ต้นปี 2561 ตามที่มีการโอนหุ้นจริง

นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ได้ยื่นรายชื่อพยานต่อศาลรัฐธรรมนูญจำนวน 22 คน และรายชื่อพยานเอกสาร รายการเพื่อให้ศาลเรียกเพื่อหักล้างคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของนายศักดิ์สยาม และยังพบรายการเดินบัญชี 27 บัญชี ของนายศักดิ์สยาม และผู้เกี่ยวข้อง ขณะเดียวกันยังเปิดเผยว่ามีทีมงานเพื่อชี้เบาะแสผู้ที่น่าเชื่อว่ารวมการกระทำความผิดฐานฟอกเงินที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI  จึงขอเรียกร้องไปยังองค์กรอิสระ ทั้ง ป.ป.ช. และศาลรัฐธรรมนูญ เรียกศรัทธาจากสังคมและการปฏิบัติ ปฏิบัติกับทุกคำร้อง  ตามกฎหมายตามกำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม และมาตรฐานในการทำงานที่กำลังถูกสังคมจับจ้องตั้งคำถาม ทั้งนี้ ประมาณ 9-10 เดือน ที่ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. และฝั่งศาลรัฐธรรมนูญมีเวลาใกล้เคียงกัน แต่มีความคืบหน้าไปแล้ว ตอนนี้รอเพียงศาลรัฐธรรมนูญเรียกพยานบุคคลไปให้ข้อมูลเพิ่มเติม

เมื่อถามว่า หากเทียงเคียงกับคดีของ สส.ก้าวไกล ความรวดเร็วและการทำงานแตกต่างกันอย่างไร นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า คงไม่ใช่แค่เรื่องนี้ และเรื่องนี้คงเป็นแค่เรื่องหนึ่ง หากย้อนไปตั้งแต่ยุคของ คสช. ที่มีการยื่นคุณสมบัติของรัฐมนตรีแต่ละกรณีพิจารณาไม่ต่ำกว่า 300 วัน หรือบางทีก็มากกว่านั้น แต่หากเป็นเคสของพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกล ก็จะค่อนข้างรวดเร็วอย่างที่เห็น ส่วนที่ต้องยื่นใหม่เอกสารอีกครั้งที่ ป.ป.ช. เพราะเป็นหลักฐานเพิ่มเติม และเป็นประเด็นที่แยกย่อยมาจากคำร้องครั้งที่แล้วในคดีซุกหุ้น จึงอยากให้ ป.ป.ช. เรียกดูเอกสารตามอำนาจที่มีทั้งจากธนาคาร และเอกชน รวมถึงราชการที่จะมาเชื่อมโยงได้ว่าทั้งหมดที่มีการกล่าวอ้างจริงหรือไม่ และตัวเลขหนี้ที่คงค้างอยู่ในงบการเงินนั้น เป็นความผิดพลาดทางงบการเงิน หรือเป็นความผิดพลาดที่ไม่เคยมีการใช้หนี้มาก่อน

เมื่อถามว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับประเด็นการจัดตั้งรัฐบาลที่พูดถึงพรรคอันดับที่ 3 จะมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลด้วยหรือไม่ เพราะมีการแถลงในช่วงที่เป็นกระแสเรื่องนี้ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ทราบว่ามีเอกสารชุดนี้เมื่อประมาณ 4 สัปดาห์ที่แล้วจาก พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ และช่วงที่ผ่านมาตนยังไม่มีเวลาดูเรื่องนี้ แต่หลังจากเปิดประชุมสภาฯ แล้ว และได้มีเวลาดูเอกสารประมาณ 1 สัปดาห์ ก็ทำเรื่องนี้เสร็จเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา จึงนำมาสู่การแถลงข่าว โดยไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องรออะไรในการที่จะไปยื่น เพราะหากรอไปเกิดมีเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น อาจจะไม่ทันการ จึงคิดว่าจะต้องยื่นเลย

ส่วนจะกระทบไปยังการจัดตั้งรัฐบาลที่มีการขอเสียงพรรคภูมิใจไทยหรือไม่นั้น มองว่า เป็นการทำหน้าที่ตามปกติ เพราะตนก็ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ตั้งแต่ปีที่แล้ว และยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเอง รวมไปถึงยื่นต่อ ป.ป.ช. และศาลรัฐธรรมนูญเอง ดังนั้น ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไม่ทำ ส่วนเรื่องการร่วมรัฐบาลหรือไม่ร่วมรัฐบาล เราเคยประกาศชัดเจนอยู่แล้วว่าต่อให้นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ได้เป็นก็จะตรวจสอบรัฐมนตรีทุกคน ไม่เว้นแม้แต่รัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล รวมไปถึงประเด็นเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต ที่ได้เซ็นไว้ใน MOU ของ 8 พรรคร่วมด้วย

ส่วนจะเป็นการสื่อสารว่าไม่เอาพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ไม่ใช่ว่าเราจะร่วมหรือไม่ร่วม ท้ายที่สุดเราก็ต้องทำงานตรวจสอบพรรคร่วมรัฐบาลทุกคน รวมไปถึงพรรคตัวเองด้วยที่เข้าไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี หากมีพฤติกรรมอย่างไรที่ไม่ดีหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการเจรจา เพราะการเจรจาร่วมรัฐบาลในตอนนี้เป็นหน้าที่ของพรรคเพื่อไทยและทีมเจรจาของพรรคก้าวไกล ซึ่งตนไม่ได้อยู่ในทีมเจรจา

เมื่อถามว่ายอมรับหรือไม่ว่าจะกระทบกับการจัดตั้งรัฐบาลนั้น มองว่าไม่กระทบ เพราะถือว่าเป็นระบบปกติ ทุกคนทราบอยู่แล้วว่าดีเอ็นเอของพรรคก้าวไกลเป็นแบบนี้ ตนคิดว่าถ้าพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล และนายพิธาได้เป็นนายกรัฐมนตรี ภาพของการที่พรรคก้าวไกลตรวจสอบพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเองคงไม่เป็นที่น่าแปลกใจเท่าไร ดังนั้น เมื่อเคยพูดแบบไหนก็ทำแบบนั้น ดีกว่าวันนี้แกล้งทำเป็นหลับหูหลับตาแล้ววันหนึ่งเรากลับมาตรวจสอบเขาอย่างเข้มข้น เป็นภาพที่ดูไม่งามเท่าไร การตรวจสอบการทุจริตไม่มีเวลาที่ไม่เหมาะสมในการยืนยันสิ่งที่ถูกต้อง

ส่วนจะบีบให้ทางเลือกเหลือน้อยลงหรือไม่ เพราะหากไม่เอาพรรค 2 ลุง ก็จะเหลือทางเลือกเดียว คือ ภูมิใจไทย โดยมีนายศักดิ์สยามเป็นเลขาธิการพรรค นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า เป็นเรื่องของทีมเจรจาว่าจะไปเจรจาด้วยเงื่อนไขอย่างไร แต่เรายืนยันตรงนี้ ว่าเราทำหน้าที่ของเราอย่างต่อเนื่อง ถ้าจะบอกว่าเราต้องรอการเจรจาให้จบก่อน ก็ไม่รู้ว่าการเจรจาจะจบเมื่อไร แล้วจะต้องรอเรื่องที่เราตรวจสอบไว้นานแล้วไปอีกนานเท่าไร ดังนั้น จึงมองว่าไม่มีทางออกที่ดีกว่านี้ นอกจากทำไปตามกระบวนการตามปกติ ทั้งนี้ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ว่านายศักดิ์สยามจะยังคงตำแหน่งรัฐมนตรีอยู่เหมือนเดิมหรือไม่ เพราะจะมีผลในอนาคต หากคำร้องนี้มีคำวินิจฉัยว่าผิดจริง ก็ไม่สามารถดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีได้อีกอย่างน้อย 2 ปี

จากนั้นในเวลา 11.30 น. นายปกรณ์วุฒิ เดินทางไปยัง ป.ป.ช. เพื่อยื่นหนังสือให้ตรวจสอบการยื่นบัญชีทรัพย์สินของนายศักดิ์สยามต่อไป.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

ฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ส่งสุขรับปีใหม่

ส่งความสุขรับปีใหม่ กับฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ศิลปินลูกทุ่งเกือบ 100 ชีวิต ร่วมโชว์จัดเต็ม

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ “กานต์” ส่อเข้าป้าย

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี “กานต์” หมายเลข 1 จากเพื่อไทย ส่อเข้าป้าย ด้าน ปชน. แถลงยอมรับยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนอุตรดิตถ์ “ชัยศิริ” อดีตนายก อบจ. ส่อเข้าวิน

เด้ง ตร.จราจร ปมคลิปรับเงินแลกไม่เขียนใบสั่ง

ผบก.ภ.จว.นนทบุรี สั่งย้าย “รอง สว.จร.สภ.รัตนาธิเบศร์” เซ่นคลิปรับเงินแลกไม่ออกใบสั่ง พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงภายใน 3 วัน ด้านเจ้าตัวอ้างไม่เห็นเงินที่วางบนโต๊ะในตู้ควบคุมสัญญาณไฟจราจร