“ปกรณ์วุฒิ” งง “เพื่อไทย” เหตุเสียงแตก กม.นิรโทษกรรม

รัฐสภา 29 ต.ค.-“ปกรณ์วุฒิ” งง “เพื่อไทย” เหตุเสียงแตก กม.นิรโทษกรรม รวม ม.112 หรือไม่ ชี้หากเสนอ กม.ประกบนิรโทษกรรมทุกความผิดในเหตุจูงใจทางการเมือง พรรคประชาชนยินดีเห็นชอบ เผยพอใจการทำงานฝ่ายค้าน หวังเห็นนายกฯ ตอบกระทู้สดในสภาฯ

นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน กล่าวถึงกฎหมายนิรโทษกรรมที่ พรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษมาตรา 112 ว่า หลายเรื่องที่พรรคเพื่อไทยเคยพูดมาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง หรือผ่านการเลือกตั้งไปแล้ว คิดว่าเพื่อไทยเข้าใจดีเกี่ยวกับ 112 แต่ก็ไม่แน่ใจว่าด้วยข้อจำกัดอะไรที่ในวันนี้อาจจะเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ แต่ถ้าไปดูในรายงานกรรมาธิการที่ศึกษากันไปแล้วสภาโหวตคว่ำในข้อสังเกต กรรมาธิการของพรรคเพื่อไทยจาก 8 คน มี 4 คนให้ความเห็นด้วยกับการนิรโทษกรรม มาตรา 112 แบบมีเงื่อนไข อีก 2 คนไม่เห็นด้วยและอีก 2 คนไม่แสดงความเห็น จึงต้องตั้งคำถามกลับไปว่าจริงๆ แล้วพรรคเพื่อไทยก่อนเลือกตั้ง หลังเลือกตั้ง หรือแม้แต่ตัวแทนที่พรรคเพื่อไทยส่งเข้ามาในกรรมาธิการก็ยังมีความเห็นเกี่ยวกับคดี 112 แบบนี้อยู่ ดังนั้นกรรมาธิการที่ตั้งขึ้นมาเป็นดำริของพรรคเพื่อไทย ที่ตั้งญัตติเพื่อต้องการที่จะศึกษา ต้องการที่จะรับฟังความเห็นรอบด้าน แต่เมื่อรับฟังมาแล้วตัวแทนของพรรคเพื่อไทยกว่าครึ่งมีความเห็นแบบนี้ตกลงแล้วพรรคเพื่อไทยจะส่งร่างนิรโทษกรรมเข้ามาประกบกับพรรคประชาชนและพรรคอื่นๆ ในสมัยหน้าหรือไม่ และหน้าตาจุดยืนของพรรคเพื่อไทยเพื่อแก้ไขปมความขัดแย้งต่อเนื่องมายาวนานหลายปีจะมีแนวทางอย่างไร


ส่วนที่พรรคร่วมรัฐบาลอื่น มีแนวโน้มที่จะคว่ำร่างนิรโทษกรรมของพรรคประชาชนนั้น นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ก็ต้องมีการพูดคุยสื่อสารกับพรรคการเมืองด้วยกันเองและสังคมว่าเจตนาที่แท้จริงของเราคืออะไร การทำงานในสภาก็เข้าใจว่าสุดท้ายก็ต้องเคารพเสียงข้างมาก แต่ก็ต้องฝากว่าถ้าพรรคเพื่อไทยจะเสนอเนื้อหาที่อาจจะเปลี่ยนแปลงไปจากที่พรรคประชาชนเสนอไปบ้างแต่ก็ยังเปิดโอกาสให้คนกระทำความผิดต่างๆไม่ว่าจะฐานความผิดใดแต่ด้วยแรงจูงใจทางการเมือง ก็ควรได้รับโอกาสนิรโทษกรรม เราก็ยินดีที่จะเห็นชอบ จึงอยากให้พรรคเพื่อไทยระลึกไว้ว่าทุกพรรคการเมืองไม่ว่าจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ ก็มีความคิด มีอุดมการณ์เป็นของตนเอง ไม่จำเป็นจะต้องเห็นพ้องกันทุกเรื่อง แม้จะเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านหรือรัฐบาลถ้าเรายึดหลักการของพรรคตัวเองให้มั่น พรรคประชาชนยินดีที่จะเห็นชอบกับ เรื่องต่างๆที่ เป็นไปในทิศทางเดียวกับอุดมการณ์ของเรา ไม่ว่าจะพรรคไหนเป็นคนเสนอ

นายปกรณ์วุฒิ ยังกล่าวถึงผลสำรวจที่ไม่เชื่อมั่นการทำงานของฝ่ายค้าน ว่า ออกมาสะท้อนการทำงานของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ให้เราทำงานหนักขึ้น พรรคประชาชนก็เพิ่งเกิดมาไม่นาน ถึงแม้จะเคยเป็นพรรคก้าวไกลมาก่อนก็ตาม แต่ก็ไม่เสียกำลังใจแต่ก็จะใช้การทำงานอย่างหนักของเราพิสูจน์ในอนาคตสมัยประชุมนี้จบไป สมัยประชุมหน้าเราจะกลับมาอย่างเต็มที่แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องญัตติต่างๆ หรือพ.ร.บ.ที่ผ่านมา ที่เสนอเข้าสภา 70 ฉบับแล้ว ก็จะทำให้ประชาชนได้เห็นอยู่เรื่อยๆ


ส่วนกระแสนิยมอาจจะตกเพราะประชาชนเห็นว่าทั้งก้าวไกลเดิมเคยเป็นมิตรกับพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่เคยไปพบกับนายทักษิณชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า
“รอสมัยประชุมหน้า จะได้รู้ว่าเราเป็นมิตรกันจริงหรือไม่”

นายปกรณ์วุฒิ ยังกล่าวถึง การเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า คาดว่าช่วงต้นสมัยประชุมหน้าน่าจะเหมาะสม มากกว่าเพราะไม่ได้เร่งรีบมาก แต่ถ้าจะมีการเปิดสมัยประชุมวิสามัญจริงๆ คาดว่าน่าจะต้องรอกรรมาธิการร่วมพิจารณาพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ประชุมในวันพรุ่งนี้ ซึ่งต้องดูท่าที แต่ด้วยเนื้อหาถ้าตั้งใจจริงๆวันเดียวก็เสร็จ และอาจจะจบภายใน ช่วงปิดสมัยประชุมและอาจจะเปิดประชุมสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาในเรื่องนี้ได้

สำหรับภาพรวมการทำงานของฝ่ายค้าน นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ค่อนข้างพอใจ แต่ต้องยอมรับว่าในสมัยประชุมนี้มีหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เราก็พอที่จะบริหารจัดการได้ราบรื่นบ้างไม่ราบรื่นบ้าง ในส่วนของกระทู้เอง ก็คิดว่าคล้ายๆกัน พรรคฝ่ายค้านก็มีผลกระทบรัฐบาลก็มีผลกระทบ แต่คาดหวังว่าในสมัยประชุมหน้าตั้งแต่ต้นต้นสมัยประชุมจะได้เห็นนายกรัฐมนตรีจะมาตอบกระทู้สดของฝ่ายค้าน ในสภาผู้แทนราษฎร ประชาชนก็คงจะคาดหวังที่จะได้เห็น นายกรัฐมนตรีมาตอบข้อสงสัยจากพรรคฝ่ายค้านเช่นเดียวกัน.-315.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มท.1 เด้งฟ้าผ่า ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี

เมืองทองธานี 7 ส.ค.-รมว.มหาดไทย สั่งเด้งฟ้าผ่า “ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี” ก่อนประชุมมอบนโยบายกระทรวงมหาดไทย เหตุมีปัญหาเบิกจ่ายงบประมาณดูแลประชาชนได้รับผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เปิดเผยก่อนการประชุมมอบนโยบายสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ว่า ได้มีการสั่งย้าย ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ให้มาช่วยราชการที่กระทรวงมหาดไทย หลังมีปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณในการช่วยเหลือดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีการเบิกงบทดรองราชการจ่ายเพียง 55,600 บาท จากที่รัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้ 100 ล้านบาท ส่วนจะย้ายชั่วคราว หรือถาวรน้้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดี๋ยวค่อยว่ากัน เมื่อถามว่า จะรอผลสอบก่อนใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดี๋ยวค่อยว่ากันในรายละเอียด โดยคำสั่งจะออกในช่วงเช้าวันนี้ อย่างไรก็ตาม มีการยืนยันจากผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ว่าได้เดินทางมาร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย​ แต่ปฏิเสธที่จะแสดง​ความเห็น​ และไม่ขอให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน.-315.-สำนักข่าวไทย

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย