กรุงเทพฯ 18 ก.ค. – ศาลอาญาคดีทุจริตฯ รับฟ้องประธาน กกต. และพวกรวม 7 คน ถูกกล่าวหากลั่นแกล้ง “พิธา” ไม่ไต่สวนถือหุ้นไอทีวี เร่งรีบชงศาล รธน. หวังลดความน่าเชื่อถือโหวตนายกฯ
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง แจ้งว่า กรณี นายยงยุทธ เสาแก้วสถิต ยื่นฟ้องนายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กับพวกรวม 7 คน ว่า โจทย์เป็นผู้ที่ลงคะแนนเสียงเลือกผู้สมัคร สส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้งและแบบบัญชีรายชื่อ เขต 8 กรุงเทพมหานคร เช่นเดียวกับผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งทั่วประเทศที่เลือกผู้สมัครและพรรคก้าวไกล โดยคาดหวังว่าพรรคก้าวไกลจะได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และได้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี โจทก์จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในคดีนี้
โดยฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 31 มกราคม 2566 ต่อเนื่องถึงวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 จำเลยทั้ง 7 ได้กระทำผิดเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ กระทำการในฐานะเจ้าพนักงานของรัฐ โดยทุจริต เจตนา ร่วมกันออกประกาศ กกต. กำหนดวันรับสมัคร สส. ทั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งและแบบบัญชีรายชื่อ โดยทุจริต เจตนาร่วมกันแบ่งเขตเลือกตั้งทั่วประเทศ ออกแบบบัตรเลือกตั้งทั้งการเลือก สส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้งและแบบบัญชีรายชื่อ ให้แตกต่างจากการเลือกตั้งหลาย ๆ ครั้งที่ผ่านมา พิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินกว่าจำนวนประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งมากกว่าเจ็ดล้านใบ ทำให้สับสนวุ่นวาย รวมทั้งออกระเบียบ ประกาศต่างๆ ในลักษณะทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยให้พรรครัฐบาลเดิมชนะการเลือกตั้งและได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง
โดยก่อน ขณะ หรือหลังรับสมัครรับเลือกตั้ง สส. ทั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งและแบบบัญชีรายชื่อ จำเลยทั้งเจ็ดมีหน้าที่ต้องตรวจสอบคุณสมบัติของนายพิธา หรือผู้สมัครรับเลือกตั้งทุกคน ว่าผู้ใดไม่มีคุณสมบัติและหรือขาดคุณสมบัติที่จะสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส. ตามกฎหมาย แต่จำเลยทั้งเจ็ดหาได้ทำตามอำนาจหน้าที่ของพวกตนไม่ จนปล่อยล่วงเลยมาจนถึงวันเลือกตั้งทั่วไป เป็นเหตุให้นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ มายื่นคำร้องกล่าวหาว่านายพิธา ถือหุ้นสื่อไอทีวี จำนวน 42,000 หุ้น จึงอาจหรือขาดคุณสมบัติที่จะเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น สส. แต่จำเลยก็ไม่ดำเนินการสืบสวน ไต่สวน และวินิจฉัยโดยพลันตามกฎหมาย หรือไม่ส่งเรื่องให้ศาลฎีกามีคำสั่งหรือคำพิพากษาตามกฎหมาย
นอกจากนั้นนายพิธาเคยเป็น สส. มาแล้ว 4 ปี จนครบวาระ การกระทำของจำเลยทั้ง 7 ดังกล่าวข้างต้นที่ไม่รีบดำเนินการสืบสวน ไต่สวน วินิจฉัย หรือส่งศาลฎีกา มีคำสั่งหรือคำพิพากษาต่อไปตามกฎหมาย กรณีที่นายพิธา ถูกร้องเรียนดังกล่าว จึงเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต ทำให้บุคคลอื่นคือโจทก์หรือนายพิธา ได้รับความเสียหาย
อีกทั้งจำเลยทั้ง 7 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ กระทำการในฐานะเจ้าพนักงานของรัฐ โดยทุจริต โดยก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง สส. จำเลยทั้ง 7 มีพฤติการณ์ที่น่าเคลือบแคลงสงสัยหลายประการ และเมื่อผลการเลือกตั้ง ปรากฏว่าประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งมากกว่าสิบสี่ล้านคนรวมทั้งโจทก์ เลือกพรรคก้าวไกลจนได้ สส. มากเป็นอันดับหนึ่ง 151 คน และมุ่งหวังจะให้พรรคก้าวไกลเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลและนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี
แต่จำเลยทั้ง 7 โดยทุจริต เจตนาร่วมกัน กลั่นแกล้งนายพิธา ด้วยการประชุมวินิจฉัย ลงมติ หรือมีความเห็นร่วมกันส่งเรื่องที่นายพิธา ถูกร้องเรียนว่าถือหุ้นสื่อไอทีวี ต่อศาลรัฐธรรมนูญ อย่างเร่งรีบ เพื่อให้วินิจฉัยว่านายพิธาไม่มีคุณสมบัติและ หรือขาดคุณสมบัติที่จะสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส. เพราะถือหุ้นสื่อ และขอให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง โดยจำเลยทั้ง 7 มิได้ดำเนินการสืบสวน ไต่สวน และวินิจฉัยให้ละเอียดรอบคอบเสียก่อน ตามอำนาจหน้าที่ หรือตามขั้นตอนของกฎหมายแต่อย่างใด อันเป็นการดำเนินการก่อนหรือขณะวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 เพื่อลดความน่าเชื่อถือของนายพิธา และพรรคก้าวไกล ต่อสมาชิกรัฐสภา จึงเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต ทำให้บุคคลอื่นคือโจทก์และหรือนายพิธา ได้รับความเสียหาย
โดยศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางมีคำสั่งให้รับคดีไว้เพื่อตรวจฟ้อง และให้นัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษา ในวันที่ 8 สิงหาคม 2566 เวลา 09.30 น. -สำนักข่าวไทย