กรุงเทพฯ 21 มิ.ย.- คาดยอดขายรถยนต์ปีนี้ถึงเป้าหมาย 800,000 คัน ตามภาวะเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มดีขึ้น
นายสุรพงศ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศเดือนพฤษภาคม 2560 ว่า ยังคงเพิ่มขึ้นเนื่องจากวันทำงานมากขึ้น โดยยอดขายอยู่ที่ 66,422 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา คิดเป็นร้อยละ 0.6 จากภาวะเศรฐษกิจภายในประเทศที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามาเพิ่มขึ้น การส่งออกสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น รวมทั้งมีการแนะนำรถยนต์ SUV รุ่นใหม่และเพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน ร้อยละ 5 ส่วนภาพรวมการขายรถยนต์ในประเทศ 5 เดือนแรกปีนี้(ม.ค.ถึง พ.ค.) มียอดสะสมรวม 340,179 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมาคิดเป็นร้อยละ 12.4 จึงคาดว่า ตลอดปีนี้ มีโอกาสที่ยอดขายรถยนต์ในประเทศจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะมียอดรวม 800,000 คัน
ด้านการส่งออกพ.ค.นี้ส่งออกได้ 90,092 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมาคิดเป็นร้อยละ 9.5 ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 11 โดยส่งออกลดลงในทุกตลาด คิดเป็นมูลค่าส่งออกรถยนต์ 48,014.47 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้าคิดเป็นร้อยละ 12.69 ตลาดตะวันออกกลางลดลงมากจากเคยมีสัดส่วนร้อยละ 25 ขณะนี้ไม่อาจไม่ถึงร้อยละ 8 ของตลาดส่งออกในภาพรวมแล้ว เนื่องจากการเข้มงวดในเรื่องการปล่อยไอเสียจากเครื่องยนต์ดีเซล จึงคาดว่า ในอีกประมาณ 10 ปีข้างหน้าจะไม่มีการผลิตรถยนต์เครื่องยนต์ดีเซล ตามแนวโน้มของโลก อาจเปลี่ยนมาใช้รถไฮบริด ปลั๊กอินไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น บริษัทแม่รถยนต์แต่ละค่ายต่างวางแผนรับมือแล้ว ประเทศไทยก็เคยเปลี่ยนจากเครื่องยนต์เบนซิน มาเป็นดีเซล
ด้านการผลิตรถยนต์ เดือนพฤษภาคมผลิตได้ 169,495 คัน เพิ่มขึ้นจากข่วงเดียวกันปีที่ผ่านมาคิดเป็นร้อยละ 0.65 และในช่วง 5 เดือนแรกปีนี้(ม.ค.ถึง พ.ค.) ผลิตได้ 775,523 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมาคิดเป็นร้อยละ 4.67 เนื่องจากการผลิตเพื่อส่งออกลดลงร้อยละ 10.66
นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท) กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลลดอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ไฮบริดหรือรถยนต์แบบพลังงานไฟฟ้า โดยให้มีผลใช้บังคับแล้ว และมีผลไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.2568 จะช่วยให้ระดับราคารถยนต์ไฮบริดในตลาดลดลงจากที่ปัจจุบันราคาสูงกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันถึงร้อยละ 20 ระดับราคารถยนต์ไฮบริดจะปรับลดลงมาอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกันกับรถยนต์ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น
สำหรับภาพรวมตลาดและการใช้รถยนต์ไฮบริดในประเทศไทยปัจจุบัน ถือว่าน้อยมากๆ เพราะมีเพียง 3 ยี่ห้อเท่านั้นที่จำหน่ายรถยนต์ไฮบริด คือ โตโยต้า นิสสัน และฮอนด้า แต่รถยนต์ประเภทนี้ ยังมีสัดส่วนในตลาดต่ำกว่าร้อยละ 1 ถือว่า มีจำนวนที่น้อยมากๆ การปรับลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ไฮบริดลงในครั้งนี้ จะมีส่วนช่วยให้รถยนต์ประเภทไฮบริดค่อย ๆ มียอดขายและจำนวนผู้ใช้รถยนต์ไฮบริดสะสมในตลาดเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เครื่องยนต์ไฮบริด จะมีความจำเป็นเฉพาะรถยต์ขนาดใหญ่ถึงขนาดกลางเท่านั้น ส่วนรถยนต์ขนาดเล็กไม่มีความจำเป็นเนื่องจากประหยัดเชื้อเพลิงอยู่แล้ว-สำนักข่าวไทย