สุราษฎร์ธานี 16 มิ.ย.-นักศึกษาสาวใน จ.สุราษฎร์ธานี ร้องสภาทนายความ ขอความช่วยเหลือหลังสมัครงานทางโซเชียลได้ 5 วันตกเป็นผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงและถูกประจานทางสื่อออนไลน์ ว่าเป็นมิจฉาชีพหลอกลวงต้มตุ๋น
วันนี้ (16 มิ.ย.60) นายสืบศิริ อายุ 52 ปี พาลูกสาวอายุ 18 ปี นักศึกษาชั้นปีที่1 มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดสุราษฎร์ธานี และเพื่อนลูกสาว เข้าร้องขอความช่วยเหลือต่อ นายสมบูรณ์ ทองพัฒน์ ตัวแทนสภาทนายความ ภาค 8 ที่อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี
นายสืบศิริ ได้บอกว่า ลูกสาวของตนเองและเพื่อนได้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพที่ประกาศรับสมัครงานทางสื่อออนไลน์( เฟซบุ๊ก) หลังจากสมัครเข้าไปทำงานได้ 5 วันก็เกิดเหตุมีบุคคลที่เสียหายนำเรื่องเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวนที่ สภ.เมืองสงขลา และ สภ.เคียนซา จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมกับมีการนำเอกสารการแจ้งความขึ้นประกาศประจานในสื่ออนไลน์ (เฟซบุ๊ก) ว่าลูกสาวตนเองเป็นมิจฉาชีพหลอกลวงต้มตุ๋น พร้อมกับแจ้งอายัดบัญชีธนาคาร ซึ่งเรื่องดังกล่าวลูกสาวตนเองและเพื่อนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลอกลวง เพียงแค่ต้องการงานทำและหารายได้พิเศษมาใช้จ่ายในการศึกษาเล่าเรียนโดยไม่ต้องรบกวนทางครอบครัว แต่หลังเกิดเหตุสร้างผลกระทบอย่างหนักทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ ที่คนในสังคมเข้าใจผิดจนไม่กล้าไปเรียนหนังสือได้ตามปกติ จึงเข้าร้องขอความช่วยเหลือต่อสภาทนายความภาค 8
นักศึกษาสาว กล่าวว่าได้รับการเชิญชวนจากผู้ที่ใช้ชื่อ ในเฟซบุ๊กว่า pattarapon Tepsatorn (ฝันให้ไกล) ให้สมัครเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ ทางสื่อออนไลน์ ที่ประกาศว่ารับสมัครคนทำงานเติมเงินผ่านทางเซเว่นและธุรกรรมทางการเงินรายได้ดี เคลียยอดเงินทุกวันเวลา 20.00 น. รับเงินวันต่อวัน รายได้วันนิ่งการันตีที่ 500 ถึง 1,500 บาททำงานง่ายสบาย (ไม่ขอบัตรประชาชน ไม่หลอกลวง ไม่ปลอมแปลงเอกสารผู้สมัครงาน) สนใจติดต่อทางข้อความรับจำนวน 20 ท่านเท่านั้น ตนเองและเพื่อนจึงสนใจติดต่อทางข้อความขอรายละเอียด และได้เริ่มทำงานในวันที่ 8 มิถุนายน 2560 โดยนายจ้างได้ขอชื่อนามสกุล หมายเลขบัญชีธนาคารและเบอร์โทรศัพท์ โดยครั้งแรกมีเงินโอนเข้าบัญชีจำนวน 36,000 บาท พร้อมกับมีการแจ้งให้ไปเบิกเงินจากบัญชีแล้วนำไปเติมเงินในร้านสะดวกซื้อตามหมายเลขโทรศัพท์ที่ระบุมาทางไลน์ โดยนายจ้างให้ค่าตอบแทน 1,000 บาท จากวันที่ 8-12 มิถุนายน มียอดเงินเข้ามาประมาณ 200,000 บาท โดยบางวันมียอดสูงประมาณ 90,000 บาท ทั้ง 2 คนมีรายได้ตอบแทนประมาณ 7,000 บาท ต่อมาเมื่อช่วงค่ำวันที่ 12 มีเพื่อนก๊อปปี้ข้อความจากเฟซบุ๊กของผู้อื่นว่ามีบุคคลที่เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อตนเองที่ สภ.เมืองสงขลาและ สภ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมประกาศเตือนภัยว่าตนเองเป็นมิจฉาชีพหลอกขายของ โอนเงินไปแล้วไม่ส่งของให้ และบางรายลงด่าว่าไปขอยืมเงินจึงตกใจมาก ซึ่งตนเองขอยืนยันว่าไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวหรือเคยพบปะกันกับผู้ว่าจ้าง ทุกอย่างติดต่อกันทางเฟซบุ๊ก ส่วนเรื่องเงินที่โอนเข้าบัญชีมาก็ไม่รู้มาจากนั้น ทำงานตามที่ผู้ว่าจ้างระบุมาเท่านั้น และได้ค่าตอบแทนเป็นครั้งๆ ไป
ด้านนายสมบูรณ์ ทองพัฒน์ ตัวแทนสภาทนายความภาค 8 ได้กล่าวว่า พฤติกรรมของผู้ที่ใช้ในเฟซบุ๊กว่า pattarapon Tepsatorn (ฝันให้ไกล) เป็นการหลอกลวงต้มตุ๋นหลอกให้สมัครงานโดยมีการใช้การโอนเงินผ่านบัญชี แล้วให้เจ้าของบัญชีนำไปโอนต่อซึ่งเป็นการเข้าข่ายฉ้อโกงทางโซเชียล โดยใช้วิธีการเป็นระบบลูกโซ่
ต่อมาตัวแทนสภาทนายความภาค 8 ได้นำเข้าพบกับ พ.ต.ท.สมสิน เกิดผล รอง ผกก.(สอบสวน)ฯ เพื่อลงบันทึกประจำวันแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ติดตามผู้ที่ใช้ชื่อในเฟซบุ๊กว่า pattarapon Tepsatorn (ฝันให้ไกล) มาทำการสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินการต่อไป พร้อมเตรียมเดินทางไปแสดงตนให้ความร่วมมือต่อพนักงานสอบสวน แต่ละโรงพักตามที่มีผู้แจ้งความไว้ ก่อนที่จะมีหมายเรียกจากพนักงานสอบสวน
ขณะที่ พ.ต.ท.สมสิน เกิดผล รอง ผกก.(สอบสวน)ฯ ได้กล่าวเตือนผู้ที่จะสมัครงานผ่านสื่อออนไลน์นั้นขอให้มีการตรวจสอบที่มาที่ไป อย่าตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพจนอาจเป็นผู้สร้างความเสียหายให้ผู้อื่นและตนเองก็อาจถูกแจ้งความดำเนินคดีได้ ดังตัวอย่างเคสของน้องนักศึกษาทั้ง 2 คน.-สำนักข่าวไทย