รร.เอสซีปาร์ค 21 มิ.ย.-“ภูมิธรรม” เผยเสนอก้าวไกลแบ่งเก้าอี้รมต.14+1 เท่ากัน ส่วนตำแหน่งประธานสภาฯ ยังไม่สรุป ด้าน “อดิศร” ยันเพื่อไทยมีหลายคนเหมาะสม เปรียบไม่อยากให้สามเณร –พระบวชใหม่เป็นประธาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การสัมมนาส.ส.พรรคเพื่อไทย จะมีขึ้นตลอดทั้งวัน ที่โรงแรมเอสซีปาร์ค ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกิจกรรมภายใน ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสินและน.ส.แพทองธาร ชินวัตร 2 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคจะมาร่วมการสัมมนาโดยบรรยายพิเศษในช่วงเย็น อย่างไรก็ตาม ปมจัดสรรตำแหน่งประธานสภาฯ ทำให้ในช่วงเช้าของการสัมมนา ต้องปรับ โปรแกรมเปิดโอกาสให้ ส.ส. แสดงความเห็น โดยเฉพาะประเด็นความไม่พอใจของ ส.ส. เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ที่ถูกมองว่าเพื่อไทยยกให้พรรคก้าวไกล
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค กล่าวถึงการเป็นตัวแทนพรรคทำหน้าที่เจรจาร่วมจัดตั้งรัฐบาล ว่า ที่ผ่านมาพวกตนได้ดำเนินการตามที่คณะกรรมการบริหารพรรคมอบหมาย ซึ่งได้พูดคุยเป็นทางการสองครั้งเท่านั้น ครั้งแรกที่ร้านอาหาร Chez Miline ถนนสุโขทัย ส่วนครั้งที่สองเป็นการพูดคุยกันระหว่างสองพรรคคือพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล โดยสรุปของการพูดคุยคือการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการ โดยทั้งพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยจะได้พรรคละได้ 14 ที่นั่ง
“ผมเสนอว่าเมื่อพรรคก้าวไกลได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ประมุขฝ่ายบริหาร เป็น 14 + 1 ขณะที่พรรคเพื่อไทยแม้จะเป็นพรรคอันดับสอง แต่ก็มีจำนวนส.ส.ต่างกันไม่มาก เพื่อความเหมาะสมและเป็นกำลังใจให้กับกองเชียร์ เพื่อไทยเห็นว่าควรเป็น 14 + 1 เช่นกัน คือตำแหน่งประธานสภาฯ ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ควรเป็นของพรรคเพื่อไทย อย่างไรก็ตาม เรื่องตำแหน่งประธานสภาฯ ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจน ยังรอคำตอบจากทางพรรคก้าวไกล แต่การให้ข่าวของผมและเลขาธิการพรรค อาจทำให้สมาชิกพรรคไม่สบายใจหรือไม่พอใจ เรื่องการยึดหลักการพรรคอันดับหนึ่ง วันนี้จึงเปิดโอกาสให้ส.ส.ได้แสดงความเห็นได้เต็มที่” นายภูมิธรรม กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการเปิดโอกาสให้ ส.ส. ซักถามนายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งมีความชัดเจนตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าไม่เห็นด้วยที่เพื่อไทยจะยกตำแหน่งประธานสภาให้กับพรรคก้าวไกล ได้สอบถามเป็นคนแรก โดยชื่นชมพรรคที่จัดสัมมนาวันนี้ให้มีบรรยากาศเป็นประชาธิปไตย เพราะที่ผ่านมามีแต่การรับฟังโอวาทโดยไม่ได้แสดงความคิดเห็น ส่วนเรื่องตำแหน่งประธานสภาฯ พรรคเพื่อไทยได้ 141 เสียง ก้าวไกลได้ 151 เสียง แล้วพรรคเพื่อไทยต้องเห็นด้วยกับก้าวไกลทุกอย่าง
“ผมมองว่าสองพรรคมีศักดิ์ศรีเท่ากัน แม้เห็นด้วยกับการสนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพราะเป็นพรรคอันดับ 1 แต่ไม่ได้หมายความว่าการได้ 151 เสียง เมื่อได้บริหารแล้วจะหาวเอาเดือน เอาดาว เอาตำแหน่งประธานสภาฯ ไปด้วย ผมว่ามันง่ายไป ไม่ได้เห็นเพื่อนฝูงอยู่ในสายตา ผมจึงออกมาพูดเรื่องนี้โดยไม่ได้นัดหมายกับใคร เป็นการสู้เพื่อให้พรรคเพื่อไทยยิ่งใหญ่ ไม่ใช่ลูกน้องพรรคการเมืองใด” นายอดิศร กล่าว
นายอดิศร กล่าวถึงกรณีนายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยออกมาติงความเห็นนายอดิศร ว่า เข้าใจ ตนเจ็บปวด แต่ถึงอย่างไรไม่สามารถให้ตำแหน่งประธานสภากับพรรคก้าวไกล เพราะมีเสียงแค่ 151 หากมีปัญหาในสภาฯ จะแก้ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยการโหวตในสภา ทั้งนี้ ตนมองว่าพรรคเพื่อไทยมีบุคลากรที่เหมาะสมมากกว่า
“เพื่อไทยมีบุคลากรเหมาะสมหลายคน ทั้งบุคคลที่นั่งบนเวทีหรือนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รวมถึงคนในห้องนายจาตุรนต์ ฉายแสง นายประยุทธ์ หรือผม ก็เป็นได้ เรามีบุคลากรเยอะ อย่าเพิ่งไปยอมเขาง่าย ๆ ตำแหน่งประธานสภาฯ ควรเป็นของพรรคเพื่อไทย ทั้งโดยศักยภาพ โดยทฤษฎีพรรคก้าวไกลต้องถอย เพื่อให้รัฐบาลผสมที่จะเกิดในอนาคตเดินไปสู่การแก้ปัญหาบ้านเมืองได้ ถ้าปัญหานี้แก้ไม่ได้ก็เหมือนหินอยู่ในรองเท้า ซึ่งผมไม่รู้ว่าจะงดออกเสียงหรือไม่ เพราะไม่สามารถให้สามเณรและพระบวชใหม่เป็นประธาน” นายอดิศร กล่าว
นายอดิศร กล่าวขอโทษนายภูมิธรรมที่ทะเลาะกัน แต่เป็นการทะเลาะเพื่อแลกเปลี่ยน เพื่อให้พรรคเพื่อไทยยิ่งใหญ่ พรรคเพื่อไทยไม่ใช่สาขาของพรรคก้าวไกล เราเหนื่อย ต่อสู้ทุกเขตกับพรรคก้าวไกลทั้งนั้น ทำงานการเมืองอย่าอ่อน ต้องแข็ง พรรคเพื่อไทยมีประสบการณ์มากว่า 22 ปี ต้องสรุปบทเรียน ประชุมกันบ่อย ๆ แบบ ทูเวย์คอมมูนิเคชั่น อย่าให้โอวาทอย่างเดียว ถ้าเราร่วมมือกัน พรรคเพื่อไทยยิ่งใหญ่กว่าทุกพรรคในประเทศ” นายอดิศร กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามตารางการสัมมนาจะเปิดโอกาสให้สมาชิกพรรคแสดงความเห็นเป็นเวลา 2 ชั่วโมง แต่ภายหลังนายอดิศรแสดงความเห็น ทางพรรคได้เชิญสื่อออกนอกห้องและสัมมนาต่อเป็นการภายใน.-สำนักข่าวไทย