ทำเนียบรัฐบาล 20 มิ.ย.-ปลัดสปน. ยันกรณีฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับไอทีวีเป็นเรื่องเก่า 10 ปีก่อน ยันไม่เกี่ยวปม “พิธา” ถือหุ้น ไม่ใช่เรื่องการปลุกผี ขออย่าเอา 2 เรื่องมาโยงทำสับสน
นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี(สปน.) ฟ้องบริษัทไอทีวี จำกัด ว่า เราคาดการณ์คำพิพากษาศาลไม่ได้ ขึ้นอยู่ว่าจะตัดสินมาเมื่อใด ตนเห็นเพียงข่าว ไม่รู้ว่าใครเป็นคนให้ข่าวว่าจะตัดสินตอนนั้น ตอนนี้ แต่ในส่วนของสปน.ไม่ทราบเรื่องดังกล่าว สำหรับคดีนี้ฟ้องร้องเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เริ่มแรกจากการฟ้องร้องค่าสัมปทานมีคู่แข่งเข้ามาและทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ และช่วงหลังเป็นเรื่องการจ่ายค่าสัมปทาน รวมถึงการปรับผังรายการ มีการอุทธรณ์ จากนั้นก็ไปที่อนุญาโตตุลาการ สรุปสั้น ๆ ว่าต่างฝ่ายต่างมีหนี้สินเสมอกันไป และสุดท้ายสปน.มีคำอุทธรณ์เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ขณะนี้รอคำตัดสินจากศาลปกครองสูงสุด
เมื่อถามว่า หากไอทีวีชนะคดีไม่ได้หมายความว่าจะกลับมาเป็นสื่อใช่หรือไม่ ปลัดสปน. กล่าวว่า ในการฟ้องร้องไม่มีประเด็นเหล่านี้เป็นเรื่องค่าปรับ การเปลี่ยนแปลงผังรายการเมื่อ 10 ปีก่อน ซึ่งรายละเอียดตนจำได้ไม่ครบถ้วน ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะก็เป็นเรื่องการจ่ายค่าปรับและการเรียกร้องค่าเสียหาย อยากให้กลับไปดูเรื่องคำตัดสินอนุญาโตตุลาการ ซึ่งมีประเด็นเพียงนั้นและถือเป็นเรื่องเก่า ยืนยันไม่มีประเด็นอะไรเลย
“ไม่ได้มีการปลุกผีไอทีวีอย่างที่ตั้งข้อสังเกตกัน เพื่อหวังผลคดีการถือหุ้นสื่อของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกฯ ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับสปน. และเป็นคดีเก่าที่ฟ้องร้องกันอยู่ ที่ผ่านมาเราไม่เคยกลับไปแตะต้องอีกเลย กรุณาอย่าเอา 2 เรื่องไปผูกกันให้เกิดความสับสน ซึ่งเรื่องการฟ้องร้องไอทีวี ยืนยันว่ามีมาก่อนและสถานะอยู่อย่างไรก็อยู่อย่างนั้น เพียงแค่ต้องให้เวลาศาลพิจารณาคดี” ปลัดสปน. กล่าว
ส่วนหากไอทีวีชนะคดีจะกลับมาประกอบกิจการได้หรือไม่ นายธีระพงษ์ กล่าวว่า คำฟ้องไม่ได้เกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการ เป็นเรื่องของค่าปรับที่จะต้องเสียค่าสัมปทาน และฟ้องร้องกันว่าเนื่องจากมีทีวีดิจิตอล การให้สัมปทานเดิมอาจจะได้รับประโยชน์ไม่เท่ากับในสัญญาเดิมคำร้องเป็นอยู่เช่นนี้ ยืนยันว่าเป็นการฟ้องร้องเรื่องสัญญาทั้งหมดยืนยันว่าเราไม่ได้กลับไปแตะเรื่องไอทีวีเลย เพียงแต่ว่าต้องนำไปศึกษา หากศาลตัดสินจะได้เตรียมตัวและเตรียมความพร้อมตามหน้าที่ของสปน.ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับใครทั้งสิ้น.-สำนักข่าวไทย