พรรคก้าวไกล 25 พ.ค.-รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล เผยมีสัญญาณในทางบวกจาก ส.ว. หนุน “พิธา” เป็นนายกฯ ยืนยันไม่มี “แทงข้างหลัง” บอกอยู่ระหว่างเจรจาจัดสรรตำแหน่ง รมต. เชื่อเพื่อไทย-ไทยสร้างไทย ขัดแย้ง ไม่บานปลาย
น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงความคืบหน้าการเจรจากับพรรคร่วมรัฐบาล ว่าหลังจากที่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ได้มีการลงนามความเข้าใจในการร่วมรัฐบาล ได้รับสัญลักษณ์ในเชิงบวก จากพรรคร่วมรัฐบาลและสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) มีความเข้าใจและยอมรับในหลักการที่จะยกมือให้กับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามเรายังคงเดินหน้าเจรจากับส.ว.เป็นรายบุคคล และเชื่อมั่นว่านายพิธาจะได้รับการโหวตเป็นนายกรัฐมนตรี และขณะนี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เริ่มรับรองผลการเลือกตั้งแล้ว หากรับรองเร็ว ก็คาดว่าการจัดตั้งรัฐบาลน่าจะเสร็จภายใน 2 สัปดาห์
“กระบวนการเจรจาเป็นการสื่อสารผ่านสื่อสาธารณะและมีการพูดคุยในรายบุคคล และมี ส.ว.บางส่วนที่ออกมาเปิดเผยว่าจะโหวตอย่างไร ในหน้าสื่อฯ เรียบร้อย ซึ่งเราก็ให้เกียรติและเคารพ ส.ว. ทุกคน และมีบางส่วนที่พูดคุย แต่ยังไม่ประกาศ ขณะนี้รวบรวมได้ประมาณ 16-20 คน มั่นใจว่าจะการพูดคุยสัญญาณเป็นไปในทางบวก และน่าจะได้เสียงครบถ้วนเพียงพอที่จะโหวตนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ การเจรจาน่าจะจบลงอย่างรวดเร็วและไม่น่าจะเกิน 2 สัปดาห์” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว
ส่วนกระแสตั้งรัฐบาลแข่งนั้น รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลเชื่อว่าน่าจะเป็นข่าวลือ แม้จะมีการพูดคุยกันจริง แต่ไม่เชื่อว่าเป็นการพูดคุยเพื่อเจรจาจัดตั้งรัฐบาลแข่ง และยังเชื่อมั่นในพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะสามารถร่วมมือกันในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ให้สำเร็จ แม้จะมีข่าวลือต่างๆ ออกมาก็ตาม พร้อมส่งสารไปถึงพรรคร่วมฝ่ายค้านในขณะนี้ว่า ถ้าหากมีหัวใจที่รักในประชาธิปไตยและยังยืนยันการเป็นประชาธิปไตย ถ้าเห็นล็อกเงื่อนปมตรงนี้ที่จะพาประเทศออกจากทางตัน ขอให้มาร่วมโหวตให้นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาลที่มีความชอบธรรมได้สำเร็จ พร้อมยืนยันว่าไม่มีการแทงข้างหลัง ยึดมั่นใน MOU ที่จะซื่อสัตย์ต่อกัน และได้พยายามสื่อสารอย่างตรงไปตรงมา อะไรที่คิดว่าเป็นข้อกังวล ว่าจะไม่จริงใจต่อกันก็สามารถพูดคุยกันได้
ส่วนห่วงหรือไม่ว่า หากพรรคเพื่อไทยไม่ได้ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร จะทำให้พรรคเพื่อไทยถอนตัวนั้น น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ตนคิดว่าพรรคเพื่อไทยเล็งเห็นว่าความหวังที่ประชาชนมอบให้ในภารกิจจัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ และและยังมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะอยู่ร่วมรัฐบาลกับเราต่อไป ไม่ว่าจะมีตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ก็ตาม ส่วนจำนวน ส.ส.ของพรรคก้าวไกลที่ลดลงไป 1 ที่นั่ง เท่ากับตอนนี้มี ส.ส. 151 ที่นั่ง ก็ไม่ได้กระทบกับการร่วมรัฐบาลแต่อย่างใด
“ตอนนี้เราไม่มีความเชื่อใดๆ ว่าพรรคเพื่อไทยจะถอนตัวจากการ ร่วมรัฐบาลในครั้งนี้หลังจากที่พูดคุยกันหลายครั้ง และลงนามใน MOU เรียบร้อย จึงมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทย จะไม่ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลในครั้งนี้” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว
รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ยืนยันว่ามีความจำเป็นที่จะต้องมีตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรของพรรคก้าวไกล เพราะนอกจากการใช้อำนาจ ฝ่ายบริหารแล้ว ยังจะต้องใช้อำนาจฝ่ายนิติบัญญัติเชื่อมโยงกัน เพื่อผลักดันกฎหมายของพรรค เพราะทราบดีว่าตำแหน่งประธานสภาฯมีบทบาทสำคัญ ต่อการผลักดันกฎหมาย และเพื่อผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย นำไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มาจากสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้ง และเรื่องนี้เขียนไว้ใน MOU ของพรรคร่วมรัฐบาลเช่นเดียวกัน ดังนั้นจำเป็นต้องมีประธานรัฐสภาที่แน่วแน่และมีเจตจำนงที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ขณะเดียวกันต้องการผลักดันให้เกิดรัฐสภาที่โปร่งใสและสร้างความมีส่วนร่วมของประชาชน โดยนอกจากให้มีการถ่ายทอดสดการประชุมสภาผู้แทนราษฎรแล้ว จะผลักดันให้มีการถ่ายทอดสดการประชุมคณะกรรมาธิการและอนุกรรมาธิการของสภา เพื่อความโปร่งใส และเพื่อตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล จะจัดตั้งสภาเยาวชนเพื่อมีพื้นที่ให้กับเยาวชน ในการแสดงออก และสื่อสาร
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่าการที่พรรคมี ส.ส. อันดับ 1 จะขอตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไรและเรามีวาระชัดเจนที่จะผลักดัน และเป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยกันว่าวาระเหล่านี้เราจะประสานงานกันอย่างไรต่อไป ส่วนจะเป็นใครในพรรคก้าวไกลมี ส.ส.หลายคนที่จะเหมาะสมดำรงตำแหน่งนี้ ซึ่งไม่ใช่แค่ควบคุมการประชุม แต่จะต้องขับเคลื่อนประชาธิปไตยด้วย มั่นใจว่าคนของพรรคมีวุฒิภาวะพอในการที่จะทำงาน และยืนยันว่าในอดีตอาจจะมีประธานสภาผู้แทนราษฎรที่อายุน้อย ซึ่งไม่ใช่ประเด็นและเห็นว่าเป็นการให้โอกาสที่จะต้องเข้ามาทำ ไม่เช่นนั้นการเปลี่ยนแปลงจะไม่เกิดขึ้น หากยังติดความอาวุโสมากเกินไป
รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นช่วงเจรจากับพรรคร่วมรัฐบาลในการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี และพูดคุยในนโยบายอื่นที่เห็นต่างกันนอกจาก MOU เช่นที่พูดกันมากคือค่าแรง 450 บาท ซึ่งพรรคไม่ขัดข้องที่จะดำเนินนโยบายเรื่องนี้ แต่ยังมีอีกหลายนโยบาย เช่น เรื่องกระเป๋าเงิน 10,000 บาท จึงต้องพิจารณาว่าสิ่งที่ดำเนินการจะมีผลกระทบต่องบประมาณอย่างไร
ส่วนที่ยังมีข้อกังวล เรื่องการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ขอยืนยันว่า วัตถุประสงค์ในการนำกลับไป เพื่อให้เจ้าพนักงานทำงานได้อย่างเต็มที่ แต่ก็เข้าใจถึงความกังวล ซึ่งยืนยันจะคุ้มครองประชาชน รวมทั้งผู้ประกอบการและผู้ปลูก โดยจะดูแลไม่ให้เกิดผลกระทบกับผู้ที่ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายอย่างแน่นอน และในขั้นตอนต่อไปจะพูดคุยในเรื่องของการออกประกาศเพื่อคุ้มครอง ผู้ที่จดทะเบียนถูกต้องในการปลูกการจำหน่าย
เมื่อถามถึงโควตารัฐมนตรี น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่าพรรคยืนยันตัววาระและนโยบายที่จะทำเป็นหลัก ส่วนเรื่องการเจรจาต่อรองก็ต้องไปพูดคุยในรายละเอียดว่า ใครได้กระทรวงไหนอย่างไร
“ในส่วนของพรรคก้าวไกลจะเป็นส่วนผสมจากคนในและคนนอก คงต้องจัดสรรบางส่วนอย่างเหมาะสมและเป็นธรรมและคงสะท้อนจำนวนที่นั่ง ส.ส. ในสภาด้วย โดยกระบวนการต่อรองยังคงดำรงต่อเนื่อง ส่วนที่มีข่าวว่าส่วนตัวอาจจะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีความพร้อมหรือไม่นั้น หากพรรคมอบหมายและเป็นมติของพรรคก็ยินดีที่จะรับ” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว
ส่วนพรรคก้าวไกลจะขอดูกระทรวงแรงงานหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นนโยบายของพรรคที่บรรจุไปแล้ว ก็จำเป็นต้องพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลหารือในประเด็นต่างๆ เช่นเดียวกัน โดยไม่อยากให้ส่งสัญญาณว่ามีการเลือกกระทรวงแต่อย่างใด เพราะกระบวนการเจรจาเรื่องตำแหน่งยังไม่เสร็จสิ้น หากจะยึดนโยบายของพรรคเป็นหลักอย่างเดียวก็เท่ากับเป็นการไม่ให้เกียรติพรรคร่วมรัฐบาล
ส่วนโผ ครม.ที่ออกมาเป็นการคาดการณ์และคาดหวังของหลายๆ ฝ่าย แต่คงต้องรอให้การเจรจายุติหรือสิ้นสุดลงให้ได้ผลที่แน่ชัดเพื่อยืนยันเรื่องนี้อีกครั้ง
รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า แกนนำและหัวหน้าพรรคยังได้เดินสายพูดคุยกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และต้องขอบคุณที่ยอมรับในความสามารถของนายพิธา และพรรคยืนยันว่านโยบายของพรรคเน้นความสามารถสร้างความเติบโตในทางเศรษฐกิจที่เป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ และจะเดินหน้าประสานต่อเนื่องทั้งสภาแรงงาน สภาหอการค้าไทย เชื่อมั่นว่าการพูดคุยตรงนี้จะทำให้ทุกฝ่ายมีความเชื่อมั่นกับนโยบายของพรรคมากขึ้น
ส่วนที่โรงงานจะปิดตัวจากนโยบายขึ้นค่าแรง 450 บาทนั้น คิดว่าหลายผู้ประกอบการน่าจะกังวลใจเรื่องต้นทุนที่จะสูงขึ้น แต่พรรคยังคงเดินหน้ายืนยันว่าจะมีมาตรการที่จะช่วยเหลือเยียวยาอย่างเหมาะสม และแน่นอนว่าหลายบริษัทอาจจะกังวล แต่ยังคงที่จะเปิดรับฟังความคิดเห็นว่าจะทำอย่างไรที่จะเดินหน้าไปพร้อมๆ กันได้เมื่อค่าแรงต้องเพิ่มขึ้น
ส่วนกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ไปร้องว่าการทำ MOU อาจจะผิดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.นั้น รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ไม่กังวลว่า MOU จะผิด พ.ร.บ.พรรคการเมือง เพราะไม่ได้มีผลผูกพันทางกฎหมาย.-สำนักข่าวไทย