เพื่อไทย 24 พ.ค. -“อุ๊งอิ๊ง” ยอมรับแพ้เลือกตั้ง แต่ไม่ใช่การล่มสลาย ขอให้เป็นแรงผลักดันสู้ต่อ ให้การบ้านว่าที่ ส.ส. ประเมินจุดอ่อน จุดแข็ง ให้ลงพื้นที่ต่อเนื่อง อย่าย่อท้อ คาดไทม์ไลน์เปิดประชุมสภาโหวตประธานสภา 25 ก.ค. โหวตเลือกนายก 3 ส.ค.
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงภายหลังการจัดสัมนาผู้สมัคร ส.ส. พรรคเพื่อไทย ทั้งแบบบัญชีรายชื่อ และแบบแบ่งเขต โดยนพ.ชลน่าน กล่าวว่า การสัมมนาวันนี้ (24 พ.ค.) เป็นการให้กำลังใจและขอบคุณผู้สมัครส.ส.และผู้สนับสนุนที่ถือว่าทำได้อย่างดี แม้ผลการเลือกตั้งออกมาว่าพรรคเพื่อไทยได้เป็นอันดับสอง พร้อมกันนี้ได้พูดคุยถึงทิศทางของพรรคที่จะทำงานเพื่อประชาชนหลังจากนี้ และชี้แจงสถานะของพรรคเพื่อไทยขณะนี้ ที่ต้องร่วมมือกันทำต่อไปในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล การทำงานในสภาฯ และการทำงานในพื้นที่
“ที่ประชุมได้ประเมินผลการเลือกตั้ง โดยตั้งคณะทำงานมาดำเนินการ ที่จะเข้าไปดูรายละเอียด วิธีการ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน โดยได้มอบหมายภารกิจให้ผู้สมัคร ส.ส. ทุกคน ไปประเมินตนเองว่าจุดอ่อน จุดแข็ง และการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างไร เพื่อเป็นข้อมูลนำเสนอต่อการประชุมสัมมนาในครั้งต่อไป รวมถึงส่งข้อมูลให้ส่วนกลาง โดยจะไม่โทษว่าใครผิดหรือถูกอย่างไร เแต่จะนำข้อมูลมาเป็นแนวทางในการมุ่งหวังที่จะทำงานต่อไป นำไปสู่การเป็นสถาบันการเมือง” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าว
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ส่วนในห้องสัมมนา 2 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ได้ให้กำลังใจแก่ผู้เข้าร่วมประชุม โดยน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าแพ้การเลือกตั้ง แต่ไม่ใช่การล่มสลาย เพราะยังเป็นแรงผลักดันให้ยังคงอยู่ต่อไป ซึ่งพรรคเพื่อไทยพร้อมให้การสนับสนุนทุกคนให้ต้องก้าวต่อไป ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสินพูดถึงภารกิจที่จะต้องทำต่อ ทั้งการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง การรีแบรนด์พรรคใหม่ ซึ่งจะมีคณะทำงานดำเนินการเรื่องนี้ต่ออย่างไร แต่จะไม่ลืมความเป็นตัวตนของพรรคเพื่อไทย จะไม่เป็นไปในลักษณะที่ก้าวล้ำเกินไป
นายประเสริฐ กล่าวว่า บรรยากาศของการสัมมนาวันนี้เป็นไปด้วยความอบอุ่น เห็นอกเห็นใจต่อกัน ไม่ตำหนิกัน ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ซึ่งได้ให้นโยบายกับผู้สมัคร ส.ส. ทุกคนถึงแนวทางปฏิบัติ ประกอบด้วย ในระหว่างที่ยังไม่มีการประกาศผลรับรอง และการร้องเรียน ซึ่งฝ่ายกฎหมายจะช่วยชี้แจงข้อเท็จจริงด้วย , การยื่นบัญชีค่าใช้จ่าย ที่ผู้สมัครทุกคน ต้องยื่นบัญชีค่าใช่จ่ายเลือกตั้ง ภายใน 90 วัน พร้อมทั้งแนะนำให้ฝ่ายบัญชีของผู้สมัคร ส.ส.มาแลกเปลี่ยนความเข้าใจกับพรรค และเตรียมยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช.
“ที่ประชุมวิเคราะห์สถานการณ์การเลือกตั้ง 2566 ทั้งเรื่องนโยบายพรรคการเมือง กระแสการเมืองและการลงพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นก่อนหรือหลังเลือกตั้ง โดยเน้นให้ผู้สมัครทุกคนลงพื้นที่ต่อเนื่อง อย่าท้อถอย เพื่อทำงานให้ประชาชนอย่างจริงจัง เพราะเป็นเรื่องจำเป็น พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกต และต้องยอมรับว่ากระแสโซเชียลมีผลต่อการเลือกตั้งเป็นอย่างมาก สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรง ซึ่งพรรคจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ อุดมการณ์ทางการเมืองก็เป็นเรื่องสำคัญ สะท้อนได้จากผลการเลือกตั้งประจักษ์แล้วพบว่า พรรคการเมืองที่อยู่ฝ่ายประชาธิปไตยได้รับความไว้วางใจจากประชาชน และผู้สมัคร ที่เคยย้ายออกไปจากฝ่ายประชาธิปไตย ไม่ได้รับคัดเลือกจากประชาชน จึงเป็นอุทาหรณ์ของนักการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้า และในการเลือกตั้งครั้งต่อไปที่จะเข้มข้นมากขึ้น จึงต้องให้ความสำคัญกับโซเชียล เทคโนโลยีให้มากขึ้น พร้อมยืนยัน พรรคเพื่อไทย ยังยืนหยัดเคียงข้างกับประชาชน” เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าว
นายประเสริฐ กล่าวว่า ส่วนไทม์ไลน์การมีรัฐบาลชุดใหม่นั้นได้ชี้แจงต่อห้องสัมมนาไปแล้ว ว่า วันที่ 13 กรกฎาคมนี้ กกต. ต้องรับรองผลการเลือกตั้งทั้งหมด จากนั้น จะเป็นการรายงานตัว คาดว่าจะเปิดรัฐพิธี ในวันที่ 24 กรกฎาคม ก่อนเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรก ในวันที่ 25 กรกฎาคม เพื่อพิจารณาวาระเลือกตำแหน่งประธานสภา จากนั้นประธานสภาจะกำหนดวันประชุมในวาระการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คาดว่าจะเป็นวันที่ 3 สิงหาคมนี้.-สำนักข่าวไทย