กรุงเทพฯ 23 พ.ค.- ปลัดกระทรวงพลังงาน เผยข่าวดี ต้นทุนค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (Ft) งวด 3/66 (ก.ย.-ธ.ค.) มีแนวโน้มลดลง หลังราคาแอลเอ็นจีดิ่ง เร่งเบ่งก๊าซ G1 ผลิตเป็น 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ต้นปี 67 พร้อมดำเนินการปรับแผนพลังงานตามรัฐบาลใหม่ เตือนหากไม่ต่ออายุลดภาษีดีเซล ก.ค.นี้ ราคาอาจสูงถึง 37 บาท/ลิตร
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาพลังงานตลาดโลกว่า ขณะนี้สถานการณ์ราคาเริ่มคลี่คลายลง ทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LNG โดยราคาตลาดจร หรือ SPOT LNG ณ วันนี้ อยู่ที่ประมาณ 10.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อต้นทุนการผลิตไฟฟ้า เมื่อต้นทุนต่ำลงก็สามารถลดค่าไฟฟ้าได้ โดยค่าไฟฟ้างวดที่ 3 ของปีนี้ (เดือนกันยายน-ธันวาคม) มีทิศทางลดลงได้ตามต้นทุน แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จะพิจารณา ซึ่งหากคำนวณจากแอลเอ็นจี อยู่ที่ประมาณ 10.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู ต้นทุนจะลดลงได้ราว 40-50 สตางค์ต่อหน่วย และหากแอลเอ็นจีอยู่ที่ประมาณ 9 เหรียญต่อล้านบีทียู และ ปตท. สามารถซื้อได้ในราคาดังกล่าว จะส่งผลให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าลดลงได้ 70 สตางค์ต่อหน่วย จากราคาค่าไฟฟ้างวดปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 4.70 บาทต่อหน่วย
ส่วนแนวโน้มการผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น โดยกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ และ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ ปตท.สผ. รายงานว่า อยู่ระหว่างเพิ่มกำลังผลิตแหล่ง G1/61 หรือเอราวัณเดิม จะเพิ่มกำเป็น 500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เดือนกันยายนนี้ และต้นปี 67 จะเพิ่มกำลังผลิตให้ได้เป็น 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ดังนั้น การนำเข้า LNG คาดว่าจะลดลงจากที่ ปตท. คาดการณ์ไว้ว่าจะขอนำเข้า 99 ลำ เหลือประมาณ 70 ลำ (ลำละ 60,000 ตัน) และการที่ราคาก๊าซฯ จากอ่าวไทย มีราคาถูกกว่า LNG โดยมีราคาที่ประมาณ 5-6 เหรียญต่อล้านบีทียู จะช่วยให้ค่าไฟฟ้าลดลงได้อีก
“หากดูตัวเลขทั้งแอลเอ็นจี และการผลิตก๊าซในอ่าวไทยเพิ่มขึ้น สามารถทำให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าได้แน่นอน ต้นทุนลดได้อย่างน้อย 50 สตางค์ต่อหน่วย แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ กกพ. พิจารณา” นายกุลิศ กล่าว
ส่วนการเซ็น MOU ของ 8 พรรคร่วมรัฐบาล เมื่อวานนี้ (22 พ.ค.) หนึ่งในนั้นมีเรื่องการปรับปรุงโครงสร้างการผลิตไฟฟ้า การคำนวณราคา และกำลังผลิตที่เหมาะสม เพื่อลดค่าครองชีพประชาชนนั้น นายกุลิศ กล่าวว่า ยังไม่ทราบทราบละเอียด ซึ่งทางกระทรวงฯ จะติดตามและเตรียมทำข้อมูลว่าจะมีการปรับเปลี่ยนอย่างไรบ้าง ซึ่งในขณะนี้กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างปรับแผนพัฒนาไฟฟ้า หรือ PDP ตามทิศทางพลังงานโลกกำลังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด มีเรื่องของพลังงานหมุนเวียนต่างๆ มีการศึกษาเรื่อง Net metering ของโซลาร์รูฟท็อป โครงการโรงไฟฟ้าชุมชน และอื่นๆ
“ประเด็นที่พรรคการเมืองเสนอให้เจรจากับภาคเอกชนเรื่องการปรับลดค่าความพร้อมจ่าย (AP) เป็นสิ่งที่สามารถเจรจาได้ แต่ต้องใช้เวลาและความพยายามพอสมควร ซึ่งต้นทุนค่า AP อยู่ในส่วนของต้นทุนค่าไฟฐาน มีการใช้มาตั้งแต่ปี 2537 แล้ว คิดเป็นสัดส่วนเพียง 10 สตางค์ต่อหน่วยเท่านั้น ไม่มากเท่ากับต้นทุนราคาพลังงานที่มีสัดส่วนถึงครึ่งหนึ่งของต้นทุนค่าไฟ” นายกุลิศ กล่าว
ส่วนเรื่องการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน 5 บาทต่อลิตร จะสิ้นสุดในวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 ดังนั้นต้องพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร หากขึ้นในอัตรานี้ ราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้นเป็น 37 บาทต่อลิตรทันที จากราคาปัจจุบัน 32 บาทต่อลิตร และต้องมาพิจารณาว่ากองทุนน้ำมันฯ จะเข้ามาช่วยอย่างไรได้บ้าง ค่าการตลาดควรเป็นเท่าไร ปัจจุบันกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีสถานะที่ดีขึ้น จากเดิมติดลบสูงสุดเกือบ 1.4 แสนล้าน แต่ขณะนี้เหลือเพียงลบ 72,000 ล้านบาท.- สำนักข่าวไทย