กรุงเทพฯ 30 ม.ค.-ราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน เตรียมขยับขึ้นพรุ่งนี้อีก (31 ม.ค. ) ตามราคาตลาดโลก เดือนนี้เดือนเดียว ขึ้นพรวดๆ มาแล้ว 2 บาทต่อลิตร ในขณะที่ 1 ก.พ. คลังไม่ต่ออายุลดภาษีกลุ่มเบนซิน 1 บาท/ลิตร ด้าน ก.พลังงาน ใช้กลไกกองทึนน้ำมันฯดูแลแทน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มปั๊มน้ำมันแจ้งว่า เย็นวันนี้ ผู้ค้าน้ำมันส่วนใหญ่ จะประกาศ ขึ้นราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน ราว 50-60 สตางค์/ลิตร มีผลวันที่ 31 ม.ค.67 นับเป็นเปลี่ยนแปลงราคาตามตลาดโลกรอบที่ 7 ในเดือนมกราคม โดยเป็นการขึ้นราคา 6 ครั้งและ ลดราคา 1 ครั้ง โดย 6 ครั้งที่ผ่านมารวมแล้วขึ้นราคา 2 บาท/ลิตร ซึ่งเป็นผลจากการขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ที่อาจลุกลามเป็นวงกว้าง ล่าสุดกลุ่มติดอาวุธที่อิหร่านหนุน โจมตีฐานทัพสหรัฐ ส่งผลให้ทหารสหรัฐเสียชีวิต 3 นายและบาดเจ็บ 34 นาย ขณะที่สมาชิกสภาคองเกรสได้ออกมาเรียกร้องให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีคำสั่งโจมตีอิหร่านเพื่อเป็นการตอบโต้
ส่วนการสิ้นสุดมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเบนซิน 1 บาท/ลิตร มีผล วันที่ 31 ม.ค.และจะกลับมาขึ้นเต็มอัตราในวันที่ 1 ก.พ.67 นั้น กลุ่มปั๊มน้ำมันประเมินว่าจะไม่มีผลต่อราคาน้ำมันเพราะกระทรวงพลังงานแจ้งล่วงหน้าแล้วว่าจะใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาอุดหนุนแทนภาษี เหมือนย้ายกระเป๋าซ้ายและขวาเข้ามาดูแล อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ ปั๊มน้ำมันต่างสตอกน้ำมันกลุ่มเบนซินในระดับสูงถึงร้อยละ 90 เนื่องจากคาด ว่าสถานการณ์ราคายังเป็นขาขึ้นตามทิศทางตลาดโลก
“ ค่าการตลาดน้ำมันทั้งกลุ่มเบนซินและดีเซลต่างติดลบ จากที่ควรจะเป็น เพราะราคาตลาดโลกขยับขึ้น ในขณะนี้ เชลล์ขึ้นราคาล่วงหน้าสูงกว่า รายอื่นประมาณ 50-80 สตางค์ต่อลิตร เพราะทนการขาดทุนไม่ได้ ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้กองทุนน้ำมันฯเชื้อเพลิงก็ต้องเข้ามาอุดหนุนเพิ่มขึ้น ล่าสุดติดลบกว่า 84,000 ล้านบาท เป็นการอุดหนุนก๊าซหุงต้มกว่า 46,000 ล้านบาทและ อุดหนุนราคาน้ำมันเกือบ 38,000 ล้านบาท” รายงานข่าวจากผู้ค้าน้ำมันระบุ
นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ตามที่ ครม. ได้มีมติปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันกลุ่มเบนซิน ประกอบกับกระทรวงพลังงานได้มีมาตรการปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินทุกประเภท ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินลดลงตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นมา โดยมาตรการดังกล่าวจะสิ้นสุดในวันพรุ่งนี้ (31 มกราคม 2567) ซึ่ง กระทรวงพลังงาน ได้จัดประชุมผู้ค้าน้ำมันมาตรา 7 และขอความร่วมมือให้สถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศเตรียมความพร้อมสำรองน้ำมัน
แต่เนื่องจากกระทรวงพลังงานจะใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปอุดหนุนเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับประชาชน จึงขอให้ประชาชนเติมน้ำมันตามปกติ ไม่ต้องกังวลว่าราคาน้ำมันจะขึ้นแบบก้าวกระโดด เพราะหากเติมน้ำมันพร้อมกันในวันเดียวกัน อาจทำให้ปริมาณการเติมน้ำมันสูงขึ้นผิดปกติจนเกินกว่าปริมาณน้ำมันที่สถานีบริการเตรียมไว้ อาจเกิดความไม่สะดวกกับผู้ใช้บริการ
“หลังหมดมาตรการภาษีสรรพสามิตของกลุ่มเบนซินในวันพรุ่งนี้ (31 มกราคม 2567) ทางกระทรวงพลังงานจะใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาสนับสนุนแทน โดยจะไม่ให้ส่งผลกระทบ ขอให้ประชาชนเติมน้ำมันตามปกติ อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันอาจจะขึ้นหรือลงตามกลไกตลาด นอกจากนี้กระทรวงพลังงานได้มีการประชุมผู้ค้าน้ำมันมาตรา 7 เพื่อย้ำให้สถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ จัดเตรียมปริมาณน้ำมันให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน และขอให้ประชาชนอย่ากังวล หรือไปเติมน้ำมันพร้อมกันในวันที่ 31 มกราคม 2567 เพราะอาจทำให้ปริมาณความต้องการสูงกว่าปกติ ทั้งนี้ หากประชาชนไม่ได้รับความสะดวก สามารถแจ้งได้ที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนกรมธุรกิจพลังงาน 02-794-4111 และศูนย์รับเรื่องร้องเรียนกระทรวงพลังงาน 02-140-6081” ปลัดกระทรวงพลังงานกล่าว.-511-สำนักข่าวไทย