ย่างกุ้ง 15 พ.ค. – ประชาชนนับแสนคนในเมืองซิตตเว เมืองท่าและเมืองหลักของรัฐยะไข่ของเมียนมา ถูกตัดขาดจากการติดต่อในวันนี้หลังจากที่พายุไซโคลน “โมคา” พัดถล่มทางตะวันตกของเมียนมาและบังกลาเทศ ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดต่อกัน
ไซโคลน “โมคา” พัดขึ้นฝั่งที่เมืองค็อกซ์บาซา ในบังกาเทศและเมืองชิตตเว ขณะที่มีกำลังลม 195 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งถือเป็นพายุลูกใหญ่ที่สุดที่พัดเข้าอ่าวเบงกอลในรอบกว่า 1 ทศวรรษ เมื่อช่วงสายวันอาทิตย์ พายุผ่านพ้นพื้นที่เป็นส่วนใหญ่แล้ว หลังพัดผ่านค่ายผู้ลี้ภัยที่มีชาวโรฮีนจาอาศัยอยู่เกือบ 1 ล้านคน โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่า ไม่มีผู้ใดเสียชีวิต แต่ผ่านมาจนถึงวันจันทร์ การติดต่อสื่อสารไปยังเมืองชิตตเว ซึ่งมีประชากรอยู่ประมาณ 150,000 ยังคงไม่สามารถดำเนินการได้ ถนนที่เป้นเส้นทางไปยังเมืองชิตตเว ถูกต้นไม้ล้มขวางกันมากมาย เสาไฟฟ้าและสายไฟฟ้าเสียหาย ยานพาหนะที่เต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยและชาวบ้านที่พยายามเดินทางไปยังเมืองชิตตเวต้องต่อคิวกันเป็นแถวยาว สื่อของทางการเมียนมากล่าวว่า พายุทำให้สถานีฐานที่ใช้เชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่กับเครือข่ายใช้งานไม่ได้ในรัฐยะไข่ รายงานระบุว่า พลเอกอาวุโสมินห์ อ่องหล่าย สั่งการให้เจ้าหน้าที่เตรียมสิ่งของบรรเทาทุกข์เพื่อขนส่งทางอากาศไปให้ความช่วยเหลือ แต่รายงานไม่ได้ให้รายละเอียดว่า สิ่งของบรรเทาทุกข์จะส่งไปถึงเมื่อใด
รัฐบาลทหารเมียนมากล่าวว่า พบผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย 2 รายในรัฐยะไข่และอีก 1 รายในเขตอิระวดี และประชาชนจำนวนหนึ่งได้รับบาดเจ็บโดยไม่ได้ระบุรายละเอียดใด ๆ นอกจากนั้นบ้านเรือนได้รับความเสียหาย 864 หลัง โรงพยาบาลอีก 14 แห่งทั่วประเทศก็ได้รับความเสียหายจากพายุ.-สำนักข่าวไทย