เชียงใหม่คึกคักใช้สิทธิแน่น

เชียงใหม่ 7 พ.ค.-ต่อแถวยาวเหยียด ประชาชนใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าที่เชียงใหม่สุดคึกคัก บางคนมารอตั้งแต่ 7 โมงเช้า ขณะที่มีบางคนสับสนนำบัตรประชาชนใส่ในซองบัตรเลือกตั้งด้วย ซึ่งไม่สามารถแกะซองได้ ให้ติดต่อรับคืนปลายทาง หรือแจ้งหายทำบัตรใหม่


ที่ศูนย์ประชุมและจัดแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ ที่เชียงใหม่ มีผู้ลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้ามากที่สุดกว่า 30,000 คน จากทั้งหมดเกือบ 70,000 คน โดยคนที่เดินทางมาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้ามีทุกกลุ่มทุกวัย ทั้งรุ่นคุณตาคุณยายไปจนถึงวัยรุ่น มีทั้งที่มาเรียนและมาทำงานอยู่ที่เชียงใหม่ และไม่ได้กลับไปภูมิลำเนาในวันที่ 14 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันเลือกตั้ง ผู้คนจำนวนมากแห่มาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าที่นี่ ทำให้บางช่วงต้องต่อแถวกันยาวเหยียด และมีความสับสนอยู่บ้าง เพราะการเลือกตั้งล่วงหน้ามีขั้นตอนที่เพิ่มมา เพราะต้องรับซองใส่บัตรเลือกตั้งและปิดผนึกก่อนหย่อนบัตรเพื่อให้เจ้าหน้าที่คัดแยกสำหรับส่งไปยังเขตเลือกตั้งต้นทาง เพื่อนับคะแนนในวันที่ 14 พฤษภาคม ซึ่งมีรายงานว่าคุณป้าคนหนึ่งนำบัตรประชาชนใส่ไปในซองใส่บัตรเลือกตั้งด้วย ซึ่งไม่สามารถแกะซองได้ เจ้าหน้าที่ต้องให้ติดต่อรับคืนจากปลายทางหรือแจ้งหายเพื่อทำบัตรใหม่ โดยที่เชียงใหม่มีผู้ลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า นอกเขตเลือกตั้ง วันนี้กว่า 66,780 คน โดยจัดสถานที่ไว้ 10 จุด ตามเขตเลือกตั้งเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้สิทธิในแต่ละอำเภอ โดยครึ่งวันมีผู้มีสิทธิแล้วประมาณร้อยละ 50                                 

พล.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เดินทางมาตรวจความเรียบร้อยที่หน่วยเลือกตั้งล่วงหน้า พร้อมเปิดเผยว่า ยังไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ มีเพียงการแจ้งทำลายป้ายหาเสียง 130 เหตุ โดยให้ตำรวจมาช่วยรักษาความปลอดภัยการเลือกตั้งล่วงหน้าในเชียงใหม่ 500 คน และใน 8 จังหวัดภาคเหนือ ใช้กำลังกว่า 5,000 คน ขณะเดียวกันได้สั่งการระดมกำลังกวาดล้างมือปืนรับจ้างก่อนถึงวันเลือกตั้งจริง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการแข่งขันรุนแรงในพื้นที่ภาค 2 ภาค 7ภาค 8 และภาค 9.-สำนักข่าวไทย                        


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

New Zealanders march towards Wellington to protest Indigenous treaty bill

ชาวเมารีเต้นฮากาประท้วงร่าง กม.นิวซีแลนด์

เวลลิงตัน 15 พ.ย.- ผู้คนในหลายเมืองทั่วนิวซีแลนด์เข้าร่วมการเดินขบวนมุ่งหน้าไปยังกรุงเวลลิงตัน เพื่อประท้วงร่างกฎหมายลิดรอนสิทธิของชนพื้นเมือง โดยมีการเต้นฮากาที่เป็นวัฒนธรรมของชาวเมารีในระหว่างการประท้วงด้วย รัฐสภานิวซีแลนด์ผ่านความเห็นชอบในเบื้องต้นเมื่อวานนี้ เรื่องการตีความใหม่สนธิสัญญาอายุ 184 ปี ที่มกุฎราชกุมารอังกฤษกับหัวหน้าชาวเมารีมากกว่า 500 คนลงนามในปี พ.ศ.2383 กำหนดเรื่องการปกครองนิวซีแลนด์ร่วมกัน ซึ่งเป็นแนวทางในการออกกฎหมายและนโยบายของประเทศมาจนถึงปัจจุบัน ความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้เกิดการชุมนุมประท้วงตามเมืองต่าง ๆ ทั่วนิวซีแลนด์ โดยมีการจัดเดินขบวนเป็นเวลา 9 วันมุ่งไปยังกรุงเวลลิงตัน คาดว่าขบวนจะถึงเมืองหลวงในวันที่ 19 พฤศจิกายน ตำรวจแถลงวันนี้ว่า มีคนประมาณ 10,000 คน เข้าร่วมการเดินขบวนในเมืองโรโตรัว ห่างจากกรุงเวลลิงตันไปทางเหนือราว 450 กิโลเมตร ผู้ประท้วงแต่งกายในชุดชนพื้นเมือง มีการเต้นฮากาที่เป็นวัฒนธรรมของชาวเมารี โดยได้รับการต้อนรับจากคนจำนวนมากที่มาโบกธงเมารีและร่วมร้องเพลง.-814.-สำนักข่าวไทย

วัดอรุณฯ เนืองแน่น นักท่องเที่ยวแห่ร่วมงานลอยกระทง

นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติแน่นวัดอรุณฯ ร่วมงานประเพณีลอยกระทง 2567 “ลอยกระทง วิถีไทย ปลอดภัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” มีน้องหมูเด้ง Thai Cuteness นำนักท่องเที่ยวแต่งชุดไทยสืบสานคุณค่าวัฒนธรรม นางสาวไทย(ดินสอสี) ชวนรำวงลอยกระทง 6 ภาษา ผลักดันเทศกาลไทยสู่ World Event หมุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวทั่วโลก

“เจ๊พัช” ขอโทษรัฐมนตรีน้ำ ยืนยันไม่รู้จักส่วนตัว

“กฤษอนงค์” โพสต์ขออภัยรัฐมนตรีน้ำและคุณพ่อ ปมคลิปเสียงแอบอ้าง พร้อมขอน้อมรับผิดไว้แต่เพียงผู้เดียว แจงเป็นการสนทนาแนวทางส่งเสริมอาชีพเท่านั้น

“จิราพร” มอบทนายนำคลิปเข้าแจ้งจับนักร้องเรียนหญิงอ้างชื่อรีดทรัพย์

ทนายความ “รมต.” นำคลิปเข้าแจ้งจับนักร้องเรียนหญิง อ้างชื่อเรียกรับเงินกลุ่ม “ดิไอคอน” ยืนยันไม่เคยรู้จักกัน

ข่าวแนะนำ

ซูเปอร์มูน

ทั่วโลกแห่ชมซูเปอร์มูนครั้งสุดท้ายของปีนี้

เมื่อคืนที่ผ่านมาผู้คนทั่วโลกมีโอกาสได้ชมดวงจันทร์ที่เรียกว่าซูเปอร์มูนซึ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายของปีนี้

หารือสีจิ้นผิง

นายกฯ หารือ “สี จิ้นผิง” ขยายความร่วมมือการค้า-ลงทุน

นายกรัฐมนตรี หารือ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้าการลงทุนระหว่างกันให้มากขึ้น พร้อมแลกเปลี่ยนการแก้ไขปัญหาความยากจนของประชาชนสองประเทศ พร้อมอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วจากปักกิ่งประดิษฐานท้องสนามหลวง