ตรัง 6 พ.ค. – “พล.อ.ประวิตร” ขอเซลฟี่กับชาวตรัง บอกอยากเก็บภาพทุกคนที่มีความสุข ทันทีที่เป็นรัฐบาล ชาวตรังต้องหัวเราะดังกว่านี้ ลั่นแก้ไขราคาน้ำมันปาล์มมา 7 ปี จากนี้ไปราคาจะมีความเสถียรภาพ
พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ภาคใต้ ที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 (ศาลากลางจังหวัดตรัง) นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และคณะกรรมการบริหารพรรค ประกอบด้วย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิก พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะผู้ดูแลกำกับการเลือกตั้งพื้นที่ กทม., นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง และนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ทีมเศรษฐกิจพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ ประกอบด้วย นายนิพันธ์ ศิริธร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายกิตติพงศ์ ผลประยูร เขต 1 เบอร์ 3, นายทวี สุระบาล เขต 2 เบอร์ 6 , พ.ต.ท.นัทธพงศ์ ใจสมุทร เขต 3 เบอร์ 1 และ พ.ต.อ.บรรลือ ชูเวทย์ เขต 4 เบอร์ 4
พล.อ.ประวิตร กล่าวปราศรัยว่า ตนและพรรคพลังประชารัฐพร้อมจะรับใช้ชาวจังหวัดตรังทุกคน เราเลือกคนดีและคนเก่งมาเป็นผู้แทนของประชาชน จึงขอให้เลือกผู้สมัครของพลังประชารัฐทั้ง 4 เขต และเลือกพรรคพลังประชารัฐเบอร์ 37 บัตรสีเขียว วันนี้ตนอยากให้คนไทยรักกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อที่จะก้าวข้ามความขัดแย้งและความยากจนไปด้วยกัน ขอให้เชื่อมั่นในพรรคพลังประชารัฐและผู้สมัครทั้ง 4 คนที่ยืนอยู่ตรงนี้
พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า ตนดูแลและแก้ปัญหาราคาน้ำมันปาล์มมา 7 ปี โดยราคาขยับขึ้นจากบาทกว่า ไปเป็น 7 บาท ซึ่งปัจจุบันอยู่ประมาณ 5-6 บาท ทันทีที่พรรค พปชร. เป็นรัฐบาล ตนจะทำให้เกิดความเสถียร เพื่อให้ชาวจังหวัดตรังอยู่ดีกินดีขึ้น ปัญหาราคายางตกต่ำจะต้องหมดไป ขอยืนยันว่านโยบายแก้ไขปัญหาราคายางและราคาปาล์ม ของพรรค พปชร. สามารถทำได้จริง และเราพร้อมทำทันที
“เราจะมาช่วยกันเพื่อพัฒนาประเทศ โดยมีเป้าหมายให้ชาวจังหวัดตรังได้อยู่ดีกินดี ซึ่งตามนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ เราต้องการให้คนไทยทุกคนมีความสุข เราจะทำให้เมืองตรังเป็นเมืองอัจฉริยะ เราจะพัฒนาเรื่องการท่องเที่ยวให้กับพื้นที่นี้ เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป ทุกคนที่นี่ต้องได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียมกัน เราจะสร้างงานสร้างรายได้ให้กับพี่น้องชาวจังหวัดตรัง เพื่อให้เกิดการพัฒนาและแก้ไขปัญหาการเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญมาก ตนขอฝากพรรคพลังประชารัฐและผู้สมัครของพรรคไว้กับชาวตรังทุกคนด้วย”
พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า วันพรุ่งนี้เป็นวันเลือกตั้งล่วงหน้า ขอให้ทุกๆ คนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง อย่าลืมกาเบอร์ 37 รวมถึงผู้สมัครทั้ง 4 เขตของพรรคพลังประชารัฐ ขอให้เราเข้าไปทำหน้าที่แทนพี่น้องประชาชนในสภา และพรรคประชารัฐพร้อมที่จะดูแลประชาชนให้มีความเจริญรุ่งเรือง ให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดี อยู่ดีกินดี และมีความสุขตลอดไป
ด้าน ศ.ดร.นฤมล กล่าวปราศรัยว่า นโยบายของพรรคพลังประชารัฐ เราจะเข้ามาดูแลประชาชน ไม่ว่าจะเป็นบัตรพลังประชารัฐ ที่ตอนนี้ให้อยู่ใบละ 300 จะได้เพิ่มเป็นใบละ 700 บาท พร้อมให้ประกันชีวิตเพิ่มอีก 200,000 บาท รวมถึงเราจะแก้ปัญหาให้เกษตรกรทั้ง 8 ล้านครอบครัว มีเกษตรกร 8 ล้านครอบครัว ซึ่งเป็นครอบครัวใหญ่ พรรคพลังประชารัฐ หลังจากการจัดตั้งรัฐบาลแล้ว เราจะเติมเงินให้ครอบครัวละ 30,000 บาท ส่วนเรื่องการดูแลกลุ่มเปราะบาง กลุ่มผู้สูงอายุ 3, 4, 5 และ 6, 7, 8 โดยผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จะได้รับ 3,000 บาท อายุ 70 ปีขึ้นไป จะได้รับ 4,000 บาท และอายุ 80 ปีขึ้นไป จะได้รับ 5,000 บาท ถ้าชาวจังหวัดตรังอยากจะได้ทุกอย่าง วันพรุ่งนี้ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งล่วงหน้า และวันที่ 14 พ.ค. การเลือกตั้งครั้งนี้มีบัตร 2 ใบ บัตรสีม่วง ขอให้เลือกผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐทั้ง 4 เขต ส่วนบัตรสีเขียว ให้กาเบอร์ 37 พรรคพลังประชารัฐ
ด้านนายสนธิรัตน์ กล่าวปราศรัยว่า คนใต้มีหัวใจ 4 ห้อง มีพรรคการเมืองในดวงใจ 4 พรรค แต่วันนี้ตนอยากขอพี่น้องชาวตรังมีหัวใจห้องเดียว เลือกพรรคเดียว คือพรรคพลังประชารัฐ ให้ ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐทั้ง 4 เขต และวันนี้พรรคพลังประชารัฐเหมาะสมที่สุดที่จะเปลี่ยนผ่านสถานการณ์ทั้งหมด เราเป็นพรรคที่มีหัวหน้าพรรคที่มีบารมี มีประสบการณ์ พูดจากับทุกพรรคได้มากที่สุด พี่น้องชาวใต้ต้องตัดสินใจเลือกด้วยยุทธศาสตร์พรรคเดียว พร้อมใจกันเทคะแนนเสียงให้อยู่กับพรรคเดียว แล้วให้พรรคนั้นเป็นหลัก นั่นคือพรรคพลังประชารัฐ
อย่างไรก็ตาม ช่วงหนึ่งของการปราศรัย พล.อ.ประวิตร ระบุว่าอยากจะถ่ายรูปเซลฟี่กับชาวจังหวัดตรังด้วยมือถือของตนเอง พร้อมกับยกมือถือของตัวเองขึ้นมาถ่ายด้วย และกล่าวว่าอยากถ่ายรูปตอนที่ทุกคนหัวเราะอย่างมีความสุข ตนจะจำภาพเหล่านี้เอาไว้ และเมื่อตนได้เป็นรัฐบาลแล้ว เชื่อมั่นว่าท่านจะหัวเราะได้ดังกว่านี้แน่นอน
ทั้งนี้ หลังจบการปราศรัย มีเด็กผู้ชายขึ้นไปขอถ่ายรูปและให้กำลังใจ บอกรัก “ลุงป้อม” และขอให้ลุงป้อมเป็นนายกรัฐมนตรีด้วย.-สำนักข่าวไทย