นิด้า 24 เม.ย.-ผอ.นิด้าโพล ชี้กระแสเพื่อไทยมาแรงมากในอีสาน ประเมิน ภูมิใจไทยต้องออกแรงอย่างหนักศรีสะเกษ แม้ได้บ้านใหญ่ย้ายร่วมงาน
นายสุวิชา เป้าอารีย์ ผู้อำนวยการศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” กล่าวถึงผลสำรวจความคิดเห็นของนิด้าโพลพบว่า ในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษประชาชนอยากเลือกผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยเป็นส.ส.บ่งเขต ว่า หากดูคะแนนที่พรรคเพื่อไทยได้ 47% จะพบว่าไม่ต่างจากพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีและอุดรธานี ที่มีขนาดไล่เลี่ยกันจึงสะท้อนว่ากระแสความนิยมของพรรคเพื่อไทยในภาคอีสานมาแรงมาก ไม่ว่าจะเป็นอีสานเหนือหรืออีสานใต้ ส่วนพรรคการเมืองอื่นจะเจาะพื้นที่นี้ได้หรือไม่คำตอบคือได้ แต่ต้องออกแรงมาก เหมือนต้องขับเรือฝ่ากระแสคลื่นลม ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีคะแนนมาแรงทั้งตัวพรรครวมถึงน.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
นายสุวิชากล่าวว่าพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทยก็มุ่งหวังจากการได้บ้านใหญ่เข้ามาร่วมพรรค แต่พรรคเพื่อไทยก็ไม่ยอม จึงจัดเวทีลงพื้นที่ถึงสองครั้ง เพื่อทวงคืนพื้นที่ให้ได้ โดยเมื่อผลสำรวจความคิดเห็นออกมาปรากฏว่าคะแนนนิยมไม่สูสีกัน และกระแสของพรรคเพื่อไทยไปแรงมาก แต่ถามว่าพรรคภูมิใจไทยจะเบียดได้หรือไม่ ก็ต้องบอกว่ามีสิทธิ์ลุ้นในบางพื้นที่ โดยเฉพาะที่มีฐานเสียงแน่นเป็นคนเก่าแก่ รวมถึงคนที่ย้ายพรรคจากเพื่อไทยมาสังกัดภูมิใจไทยในรอบนี้ พรรคภูมิใจไทยคงต้องออกแรงมาก เนื่องจากบางอำเภอพรรคเพื่อไทยมีคะแนนสูงมากถึง 80% ได้ขณะที่พรรคการเมืองอื่นอย่างก้าวไกลและรวมไทยสร้างชาติ พบว่าคะแนนไม่แตกต่างกันมากกับจังหวัดอื่นในภาคอีสาน คาดว่าที่ศรีสะเกษภูมิใจไทยอาจได้ 3-4 เขต ส่วนเพื่อไทยคาดว่าไม่ต่ำกว่า 5 ที่นั่ง ซึ่งจากผลสำรวจประเมินว่าการแข่งขันในพื้นที่นี้ เกิดขึ้นระหว่าง 2 พรรคคือพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย
เมื่อถามว่าส.ส. เดิมในพื้นที่หลายคนย้ายสังกัดจากพรรคเพื่อไทยไปอยู่พรรคภูมิใจไทยจะส่งผลกับการเลือกตั้งหรือไม่ นายสุวิชา กล่าวว่า ปัจจัยการตัดสินใจมีทั้งเรื่องนโยบายรวมถึงกระแส ตัวบุคคล และทรัพยากรทางการเมือง แต่ในพื้นที่ต่างจังหวัดส่วนใหญ่ ตัวบุคคลและทรัพยากรทางการเมืองมีความสำคัญ ซึ่งตัวผู้สมัครส.ส.จังหวัดศรีสะเกษมีความชัดเจนเรื่องของคนเก่าแก่ นามสกุลดังในพื้นที่ แต่ต้องจับตาว่าการเลือกตั้งรอบนี้คนตระกูลเก่าจะหายไปจากการเลือกตั้งหรือไม่ ส่วนผู้สมัครส.ส. ที่ลงในนามพรรคเพื่อไทยก็ไม่ควรนิ่งนอนใจว่ามีกระแสดี และไม่ทำพื้นที่ เนื่องจากกระแสก็คือกระแส มิเช่นนั้นอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงได้
นายสุวิชา กล่าวว่า กระแสของพรรคเพื่อไทยในพื้นที่ภาคอีสานตอนนี้แรงมาก เช่นเดียวกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติที่มีกระแสความนิยมดีในภาคใต้ ซึ่งจะเห็นได้จากในพื้นที่ภาคใต้มีผู้สมัครบางคนที่ไม่ใช่ของพรรครวมไทยสร้างชาติทิ้งดิ่งตัวเอง ขอให้ประชาชนเลือกตัวเองที่สมัคร ส.ส.เขต ส่วนคะแนนพรรคการเมือง อยากสนับสนุนลุงตู่ ก็แล้วแต่ประชาชนตัดสินใจ เหมือนเป็นการทิ้งแกนนำพรรคที่ตัวเองสังกัดอยู่ เพื่อหวังให้ตัวเองเข้าสภาฯ ก่อน เนื่องจากมีความกังวลว่าหากขอคะแนนทั้ง 2 ใบ จะเป็นการเสียคะแนนให้กับพรรครวมไทยสร้างชาติ ดังนั้นต้องกลับมาดูในพื้นที่ภาคอีสานจะใช้แนวทางเดียวกันหรือไม่ ว่า หากเป็นส.ส.เขตให้เลือกตัวเอง แต่ถ้าเป็น บัญชีรายชื่อจะเลือกพรรคเพื่อไทยก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชน
ด้านนายพิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผู้อำนวยการหลักสูตรการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนา สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวว่า จากผลสำรวจความคิดเห็นช่วงแรกพรรคภูมิใจไทยต้องการขยายพื้นที่อีสานใต้ จึงดึงผู้สมัคร จากพรรคอื่นเข้าร่วม แต่พอผลสำรวจความคิดเห็นออกมาพบว่ากับไม่เป็นไปตามที่ประเมินไว้เนื่องจากกระแสของพรรคเพื่อไทยนพื้นที่ภาคอีสานมาแรงมาก ซึ่งอาจจะทำกวาดบ้านใหญ่ให้โดนพายุได้ และปรากฏการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต ในพื้นที่อีสานที่ ส.ส.บ้านใหญ่ ลงแข่งขันแล้วพ่ายแพ้พรรคเพื่อไทย ยิ่งเมื่อดูกระแสตอนนี้ประเมินว่าบ้านใหญ่อาจสอบตกในพื้นที่ภาคอีสาน ไม่เว้นแม้แต่จังหวัดบุรีรัมย์ที่ผลสำรวจความคิดเห็นของนิด้าโพลพบว่าพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทยมีคะแนนสูสีกัน
“กระแสต้องการความเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ภาคอีสานมาแรงมาก และเมื่อประเมินจากคะแนนความนิยมที่ออกมาล่าสุดพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลรวมกัน ส.ส.เขตจะอยู่ที่ 83% ถ้าเป็นบัญชีรายชื่ออยู่ที่ 81% หากรวม พรรคเสรีรวมไทย พรรคไทยสร้างไทยเข้าไปด้วย จะกลายเป็นได้ ส.ส.เขต 86% และ ส.ส. บัญชีรายชื่อ 85.67% ขณะที่ซี่ฝ่ายรัฐบาลเดิมรวมกันแล้วได้ 11 % ซึ่งถือว่าคะแนนห่างกันมาก จึงมีความเป็นไปได้ว่าคนในพื้นที่ภาคอีสาน เมื่อดูแล้วว่าการแข่งขันอยู่ในฝั่งของฝ่ายค้านก็เอามาเทคะแนนให้กับพรรคเพื่อไทยก็เป็นได้ เพื่อให้สามารถชนะอย่างเด็ดขาดโดยเฉพาะพื้นที่ที่แข่งขันกับพรรคภูมิใจไทย” นายพิชาย กล่าว
เมื่อถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่คนในพื้นที่ภาคอีสานจะลงโทษผู้สมัครจากตระกูลบ้านใหญ่ที่ย้ายพรรคมาอีกขั้ว นายพิชาย กล่าวว่า จากการประเมินมีความเป็นไปได้เพราะคนในพื้นที่ภาคอีสานก็ชอบคนที่มีความซื่อสัตย์ บางคนที่ถูกประชาชนมองว่ามีการซื้อตัวไป หรือไม่ตรงไปตรงมากับพรรคการเมืองที่เคยสังกัดก็อาจถูกประชาชนลงโทษก็เป็นได้ ซึ่งปรากฏการณ์ลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นในพื้นที่ภาคอีสานมา ดังนั้นครั้งนี้ก็มีความเป็นไปได้ที่คนภาคอีสานจะลงโทษ ส.ส. งูเห่า
“จากผลสำรวจความคิดเห็นพบว่าพื้นที่ภาคอีสานพรรคเพื่อไทยมีคะแนนสูงกว่า 60% ซึ่งตรงนี้ก็บ่งบอกได้ถึงสัญญาณเลนส์สไลด์ คือสามารถเลนส์สไลด์ได้ทั้งจังหวัด ซึ่งประเมินได้ว่าพรรคเพื่อไทยในพื้นที่ภาคอีสานอาจได้ที่นั่ง 100 ถึง 110 เสียง ที่เหลืออีก 20 เสียงอาจกระจายไปอยู่พรรคอื่น แต่ในพื้นที่ภาคอื่นคะแนนความนิยมของพรรคเพื่อไทยไม่เหมือนกับพื้นที่ภาคอีสานที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น เพราะหากไปดูคะแนนความนิยมพรรคเพื่อไทยในพื้นที่ภาคกลางกลับลดลงเล็กน้อย แม้กระทั่งภาคเหนือความนิยมก็ลดลงเล็กน้อย และการที่คะแนนของพรรคเพื่อไทยเพิ่มขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล10,000 บาท เพราะกระแสเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่กลางปี 2565 จากการสำรวจของนิด้าโพล” นายพิชาย กล่าว.-สำนักข่าวไทย