กทม.1 มิ.ย.-กทม.ปรับเปลี่ยนกล้องวงจรปิดทั่วพื้นที่เขตพระราชฐาน เพิ่มประสิทธิภาพความคมชัดของภาพ 5ล้านพิกเซล มั่นใจเห็นป้ายทะเบียนชัด
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมหัวหน้าหน่วยงาน กทม.เกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัยทั่วกรุง จากเหตุวางระเบิดหลายจุดที่ผ่านมา ว่า ทาง กทม.มีหน้าที่อำนวยความสะดวกเรื่องกล้องวงจรปิด หรือซีซีทีวี ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบสภาพกล้องวงจรปิดทั่วพื้นที่กทม.ที่มีอยู่ 53,000 ตัว โดยมีกล้องวงจรปิดกว่า 14,000 ตัว เชื่อมโยงสัญญาณภาพมายังศูนย์ควบคุม ที่ศาลาว่าการ กทม.และที่เหลืออีกกว่า 38,000 ตัวนั้น เป็นกล้องแบบ Stand Alone ติดตั้งตามพื้นที่สาธารณะ และชุมชน ไม่ได้เชื่อมต่อสัญญาณ ขณะนี้กำลังหารือร่วมกับฝ่ายความมั่นคง ทั้งทหาร ตำรวจ และ กสทช. ในการจัดสรรงบมาทางรัฐบาล เพื่อปรับเปลี่ยนกล้องวงจรปิดที่เป็น Stand Aloneทั้งหมด ทำอย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด อาจใช้วิธีต่อสายไฟเบอร์ออฟติก ส่งสัญญาณ ไปยังสำนักงานเขต และสถานีตำรวจนครบาลทั้ง 88แห่งทั่วกรุง
พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวอีกว่า ส่วนถนนสายหลักบนสะพานพระปิ่นเกล้า สะพานพระราม8 สะพานพุทธ หรือบางสะพานเป็นของกรมทางหลวงชนบท เจ้าหน้าที่ได้ประสานการติดตั้งกล้องวงจรปิดในทุกพื้นที่ ซึ่งขณะนี้ทุกสะพานและถนนที่อยู่บริเวณโดยรอบเขตพระราชฐาน ทั้งถนนราชดำเนินนอก ราชดำเนินกลาง และราชดำเนินใน กทม.ได้ปรับเปลี่ยนติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มประสิทธิภาพ โดยมีความคมชัดมากถึง 5ล้านพิกเซล มีความเร็วสูง สามารถจับภาพรถยนต์ที่สัญจรไปมาเห็นป้ายทะเบียนชัดแน่นอน
ด้านนายสุธน อาณากุล ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กล่าวว่า ขณะนี้บริเวณโดยรอบเขตพระราชฐาน ได้ดำเนินการติดตั้งกล้องซีซีทีวี ที่มีความคมชัดถึง 4-5 ล้านพิกเซล โดยใช้เวลาในการติดตั้ง 60 วัน จำนวน 83 ตัว เฉพาะตัวกล้องใช้งบ 40,000-50,000 บาทต่อ 1ตัว
นอกจากนี้ยังได้ติดตั้งกล้องซีซีทีวีในพื้นที่โดยรอบสนามหลวง เพิ่มอีก 150 ตัว รวมกล้องซีซีทีวีที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าว จำนวน 233 ตัว โดยกทม. ได้รับการจัดสรรงบจากภาครัฐวงเงิน 81 ล้านบาท ส่วนการเชื่อมสัญญาณภาพของกล้อง Stand Alone ไปยังทุกสำนักงานเขต และสถานีตำรวจนครบาลทุกแห่งทั่วกรุง ต้องใช้เวลาเชื่อมสัญญาณภาพไม่ต่ำกว่า 1 ปี คาดใช้งบประมาณสูงถึง 3 พันล้านบาท ขณะเดียวกันได้มอบหมายให้ทั้ง 50 เขต ไปสำรวจกล้องเอกชนในสถานที่ราชการทุกแห่งที่อยู่ในพื้นที่ เพื่อดำเนินการขอเชื่อมสัญญาณภาพต่อไป.-สำนักข่าวไทย