โตเกียว 14 เม.ย. – นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น ประกาศให้คำมั่นในวันนี้ว่า รัฐบาลจะดำเนินการเพื่อจัดการกับศัตรูร้ายกาจที่ก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงและสร้างความทุกข์ยากให้กับพลเมืองญี่ปุ่นในแต่ละปี ซึ่งศัตรูที่ว่านี้คือ “ละอองเกสรดอกไม้”
ฤดูใบไม้ผลิของญี่ปุ่นมักจะเป็นที่รู้จักว่า เป็นช่วงเวลาที่สวยงาม เนื่องจากดอกไม้ต่าง ๆ เริ่มผลิบาน นอกจากนั้นยังเป็นฤดูที่ดอกซากุระบานสะพรั่งและมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ซึ่งเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยว แต่มีคนจำนวนไม่น้อยที่มีอาการป่วยเป็นภูมิแพ้ เมื่อสูดหายใจอากาศที่มีละอองเกสรดอกไม้เข้าไป บางคนต้องพึ่งยาเพื่อรักษาอาการ บางคนต้องสวมหน้ากากอนามัย หรือแม้แต่แว่นตาที่ทำขึ้นเป็นพิเศษ ฤดูใบไม้ผลิปีนี้ ถือว่าเป็นปีที่รุนแรงที่สุดในรอบทศวรรษ ทำให้นายกรัฐมนตรีต้องจัดประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงเพื่อแก้ไขปัญหาละอองเกสรดอกไม้เป็นครั้งแรก
นายคิชิดะ กล่าวต่อที่ประชุมว่า โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า ไข้ละอองฟาง (Hayfever) เป็นปัญหาระดับชาติ เนื่องจากสร้างปัญหาให้กับประชาชนจำนวนมาก เขาได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่หามาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาให้ได้ภายในเดือนมิถุนายน หนึ่งในข้อเสนอคือการตัดต้นสนซีดาร์ที่มีละอองเกสรมาก และปลูกต้นไม้อื่นที่มีละอองเกสรน้อยกว่าเพื่อทดแทน หรือใช้ปัญญาประดิษฐ์ อย่างเช่น ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ เพื่อปรับปรุงระบบการคาดหมายเกี่ยวกับไข้ละอองฟางให้ดีขึ้น
ผลการสำรวจระบุว่า ปัญหาดังกล่าวถือเป็นปัญหาเฉพาะถิ่นที่กระทบชาวญี่ปุ่นราวร้อยละ 40 นอกจากนั้น ผลกระทบทางเศรษฐกิจก็มีไม่น้อย เนื่องจากความสามารถในการผลิตลดลง เพราะมีแรงงานป่วยจากไข้ละอองฟาง การสำรวจความเห็นที่จัดทำโดยบริษัทพานาโซนิค ในปี 2020 พบว่า ญี่ปุ่นสูญเสียทางเศรษฐกิจเป็นมูลค่าวันละ 220,000 ล้านเยน หรือ ประมาณ 55,000 ล้านบาท ในช่วงฤดูที่มีละอองเกสรดอกไม้มาก.-สำนักข่าวไทย