กรุงเทพฯ 11 เม.ย. – ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เชิญตัวแทน 2 มูลนิธิ ร่วมกตัญญู-เพชรเกษม ศูนย์เอราวัณ ผู้กำกับการ สน.นางเลิ้ง-สำราญราษฎร์ หารือแนวทางการปฏิบัติงาน หลังเกิดปัญหาทะเลาะวิวาทกัน ได้ 3 ข้อสรุปร่วมกัน
พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ร่วมประชุมพร้อมเปิดเผยหลังการหารือว่า จากการพูดคุยได้ข้อสรุป 3 แนวทางด้วยกัน คือ 1. การดำเนินคดีกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยทั้ง 2 ฝ่าย ได้มีการแจ้งความไว้ที่ สน.สำราญราษฎร์ หลังจากรักษาตัวแล้ว หลังเทศกาลสงกรานต์จะเริ่มกระบวนการพูดคุยไกล่เกลี่ย ซึ่งแนวโน้มสามารถพูดคุยกันได้
2. การปฎิบัติงานของกู้ภัย จะมี พ.ร.บ.การแพทย์ฉุกเฉิน มารองรับ โดยศูนย์เอราวัณ ได้มีการทำเอ็มโอยูร่วมกับ 8 มูลนิธิ ให้มีแนวทางการทำงานร่วมกัน ส่วนทางฝั่งของมูลนิธิเพชรเกษม ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งทางกรุงเทพมหานครจะแจ้งให้ทราบผลในเร็ว ๆ นี้ และ 3. การขับเคลื่อนหรือการปฏิบัติหน้าที่ ได้มีการยื่นเอกสารเรื่องการเป็นมูลนิธิของเพชรเกษม มีการยื่นขอเพื่อร่วมข้อตกลงในการปฏิบัติหน้าที่ของ กทม. ซึ่งทางเทคนิคถือว่าครบถ้วน แต่ยังเหลือบางขั้นตอนที่จะต้องรอการพิจารณาจากกรุงเทพมหานคร
ทั้ง 2 มูลนิธิ ถือว่ามีเจตนาดีที่จะทำประโยชน์ให้สังคม จึงอยากให้ก้าวข้ามเรื่องในอดีตที่ผ่านมา และร่วมแก้ปัญหาให้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีในอนาคต ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ คาดว่าจะมีประชาชนเข้ามาเล่นน้ำสงกรานต์ในพื้นที่กรุงเทพฯ จำนวนมาก เข้ามาร่วมปฎิบัติงานจึงมีความจำเป็นต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิต่าง ๆ เข้ามาร่วมกันปฏิบัติงานจำนวนมาก จึงขอให้ประชาชนเข้าใจในส่วนของความหวังดีนี้ ซึ่งแนวทางข้อสรุป หลังเทศกาลสงกรานต์ทางตำรวจจะไปหารือกับคณะกรรมการ กทม. ว่าผลการประชุมจะออกมารูปแบบใดและจะแจ้งให้กับประชาชนได้รับทราบกันอีกครั้ง
ด้าน พญ.ธันยา ปิติยะกูลชร หัวหน้ากลุ่มงานบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ศูนย์เอราวัณ ระบุในส่วนของกรุงเทพมหานคร มีการทำเอ็มโอยูกับ 8 มูลนิธิ เพื่อปฏิบัติไปในแนวทางเดียวกัน ซึ่งที่ผ่านมา มูลนิธิเพชรเกษม ได้ทำเรื่องมาขอเข้าเอ็มโอยูดังกล่าวด้วย แต่ที่ประชุม กทม.เห็นว่า รถและบุคลากรของทั้ง 8 มูลนิธิ เพียงพออยู่แล้วในการปฏิบัติงาน ยืนยันมูลนิธิเพชรเกษมไม่ใช่มูลนิธิเถื่อน แต่เป็นพลเมืองดีที่เข้ามาสนับสนุนเรื่องจิตอาสา ซึ่งไม่มีกฎหมายไปบังคับใช้กับองค์กรจิตอาสา และในการประชุมครั้งหน้าจะมีการนำเรื่องนี้เข้าหารือ
นายปฏิญญา วิบูลย์นันท์ หรือ โบ๊ท กรรมการบริหารมูลนิธิร่วมกตัญญู เปิดเผยว่า หากทางมูลนิธิเพชรเกษม ทำตามข้อตกลงที่มีการพูดคุยกันไว้จะไม่เกิดปัญหา ซึ่งทางมูลนิธิร่วมกตัญญู ยินดีที่จะรับข้อเสนอจากศูนย์เอราวัณและตำรวจ ในการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บ หากเป็นกรณีผู้ได้รับบาดเจ็บสีเขียวที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย มูลนิธิเพชรเกษมจะไม่สามารถนำตัวผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลได้ เว้นแต่เป็นความประสงค์ของผู้ได้รับบาดเจ็บที่จะให้นำตัวไปส่งโรงพยาบาลเอง
นายชลายุทธ สังข์คุ้ม กรรมการมูลนิธิเพชรเกษม เปิดเผยว่า ทางมูลนิธิฯ มีเจตนาดีที่จะทำประโยชน์เพื่อสังคม หากประชาชนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ทางมูลนิธิมีศักยภาพพอที่จะนำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลได้ หากได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส ก็ต้องได้รับคำสั่งจากศูนย์เอราวัณ เพื่อให้รถพยาบาลมารับผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลตามขั้นตอน
ขณะที่นายแพท เจ้าหน้าที่มูลนิธิเพชรเกษมกรุงเทพฯ ผู้ได้บาดเจ็บ เล่าว่า คืนเกิดเหตุตนเองและเพื่อนอยู่ในจุดบริเวณแยกผ่านฟ้าลีลาศ ซึ่งเป็นจุดจอดรถ และได้รับแจ้งว่า มีเหตุรถจักรยานยนต์ชนกัน บริเวณสี่แยกใกล้กับวิทยาลัยสารพัดช่างพระนคร ถนนบำรุงเมือง เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุเข้าปฐมพยาบาลช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ระหว่างนั้นมีนายเบส และกลุ่มเพื่อน ซึ่งเป็นทีมมูลนิธิอาสาร่วมกตัญญู ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาปิดล้อม พูดจาเหน็บแนม และมีการโต้เถียง ท้าทายกัน จนมีการกระทบกระทั่งกัน ทำให้ตนเองได้รับบาดเจ็บแขนขวา
หลังจากนั้นเหตุการณ์เป็นไปตามคลิปที่ปรากฏ ยืนยันตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีเรื่องกับเพื่อนกู้ภัยต่างมูลนิธิ แต่ก่อนหน้านี้ นายแพท บอกว่า ตนเองเห็นการโพสต์ข้อความท้าทายจากนายเบส คนที่ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาปิดล้อม ย้ำไม่ได้เป็นฝ่ายหาเรื่อง หรือไปทำร้ายร่างกายคู่กรณีก่อน ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยเห็นนายเบส มาวิ่งในพื้นที่ดังกล่าว จึงไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ว่า ทำไมกลุ่มของนายเบส จึงเข้ามาทำงานในพื้นที่นี้ได้ ยืนยันไม่ใช่ปัญหาการทำงานทับซ้อนพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมาใครถึงพื้นที่ก่อนจะเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย ส่วนมูลนิธิอื่นที่มาทีหลังจะเป็นที่รู้กัน และยังไม่เคยเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ วัตถุประสงค์ของทุกมูลนิธิช่วยเหลือประชาชน ส่วนการกำหนดพื้นที่ วันเวลา ในการปฏิบัติงาน ตนไม่ทราบรายละเอียด เพราะต้องรอให้ผู้บริหารมูลนิธิออกมาชี้แจงในส่วนของการกำหนดเงื่อนไขที่ผ่านมาว่ามีลักษณะอย่างไร.-สำนักข่าวไทย