กรุงเทพฯ 5 เม.ย. – ตลาดหลักทรัพย์ฯ ประเมินเศรษฐกิจไทยยังเติบโตต่อเนื่อง จากท่องเที่ยวและบริโภคในประเทศ ส่วนเงินเฟ้อที่ชะลอลงช่วยให้แนวโน้มดอกเบี้ยไทยทยอยขึ้น เชื่อไม่ว่าพรรคไหนชนะเลือกตั้งจะเดินหน้านโยบายเศรษฐกิจ ดึงดูดฟันด์โฟลว์ ไหลเข้าตลาดทุนไทย
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังขับเคลื่อนด้วยภาคการท่องเที่ยว และจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ยังส่งผลให้เกิดการบริโภคในประเทศมากขึ้น สนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ แม้การส่งออกจะชะลอลง โดยในระยะข้างหน้าดูจากความเสี่ยงช่วงนี้น่าจะไม่มีอะไรที่น่ากังวล ความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ตลาดก็เห็นมานานแล้ว ความเสี่ยงโควิดก็ลดลง ปัญหาภาคธนาคารก็ไม่ลุกลาม ด้านเงินเฟ้อไทยที่ลดลงสู่กรอบเป้าหมายก็น่าจะดีต่อทิศทางดอกเบี้ย ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจในประเทศ โดยทยอยปรับดอกเบี้ยไม่เร่ง ซึ่งช่วยให้ต้นทุนของบริษัทจดทะเบียนและธุรกิจขนาดเล็กมีต้นทุนการเงินที่ไม่สูงขึ้นมาก
ส่วนการเลือกตั้งเป็นเรื่องที่ต้องติดตาม หากมีนโยบายใหม่ๆ ออกมาเชื่อว่าไม่ว่าพรรคไหนจะชนะการเลือกตั้งได้จัดตั้งรัฐบาล ก็จะยังเดินหน้านโยบายด้านเศรษฐกิจที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ (Global Infrastructure ) ซึ่งจะเป็นการดึงดูดการลงทุนเข้าสู่ประเทศ มองว่าข่าวลบน่าจะค่อยๆ หมดไป และข่าวดีกำลังจะมา ทำให้ฟันด์โฟลว์ที่ไหลออกไม่น่าห่วง ซึ่งตลาดยังมีข่าวดีจากท่องเที่ยว อาหาร โรงแรม ในภาคบริการที่กลับมาดีขึ้น ก็ต้องดูว่าอุตสาหกรรมไหนที่ได้รับประโยชน์ คาดตลาดผ่านจุดที่ไม่คาดฝันไปแล้วเริ่มเห็นตลาดหุ้นไทยกลับเข้าสู่ภาวะปกติมากขึ้น
ด้าน นายศรพล ตุลยะเสถียรรองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลท. กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังแข็งแกร่งจากปัจจัยภายในประเทศ และเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง โดยในเดือนมีนาคม มีเงินลงทุนเคลื่อนย้ายออกจากตลาดหุ้นหลายแห่งในภูมิภาค รวมถึงตลาดหุ้นไทย ที่ผู้ลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาขายสุทธิเป็นเดือนที่สองจากที่เคยซื้อสุทธิต่อเนื่อง ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าสอดคล้องกับทิศทางการส่งออกที่ชะลอตัว อีกทั้งระบบการเงินโดยรวมมีเสถียรภาพ โดยปัญหาสถาบันการเงินในประเทศเศรษฐกิจหลัก ในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้ส่งผลต่อระบบการเงินไทยอย่างมีนัยสำคัญทำให้เห็น Fund Flow ไหลมายังตลาดพันธบัตรไทย โดยสิ้นเดือนมีนาคมปีนี้ SET Index ปิดที่ 1,609.17 จุด ปรับลดลง ร้อยละ 0.8 จากเดือนก่อนหน้าเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอาเซียน โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค
ทั้งนี้ มูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยที่หายไปราวๆ ร้อยละ 20-30นั้น มองว่าภาพนี้เกิดขึ้นกับตลาดทั่วโลกไม่ใช่แค่ตลาดหุ้นไทย เนื่องจากสภาพคล่องลดลง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ฟันด์โฟลว์ที่เข้ามาในตลาดหุ้นลดลง แต่เศรษฐกิจไทยเศรษฐกิจยังดี นักท่องเที่ยวยังเข้ามาต่อเนื่องน่าจะดัชนีชี้วัดการลงทุนในระยะต่อไปได้ และเชื่อว่าฟันด์โฟลว์จะกลับมา
ส่วนปัญหาตลาดหุ้นไทยที่ผันผวนจากหุ้น DELTA ลงแรง เปลี่ยนแปลงราวร้อยละ 10 ในแต่ละวันนั้น เรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้น แต่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ อยู่ระหว่างปรับปรุงหลักเกณฑ์ เพื่อให้ส่งผลกระทบน้อยที่สุดและแก้ให้ตรงจุดมากที่สุด
ส่วนการลงทุนในทองคำจนราคาปรับขึ้นมาทำสถิติสูงสุดใหม่ เป็น All time high นั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ มองว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มักถูกใช้เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่นักลงทุนชอบใช้เพื่อหลบความเสี่ยงอยู่แล้ว.-สำนักข่าวไทย