เชียงใหม่,เชียงราย 1 เม.ย.-สถานการณ์ไฟป่าในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ยังดับไม่ได้ ทำให้หมอกควันปกคลุมตัวเมืองเชียงใหม่หนาแน่น ครองแชมป์คุณภาพอากาศแย่อันดับ 1 ของโลก ติดต่อกันเกือบ 1 สัปดาห์แล้ว ล่าสุดมีอาสาสมัครเข้าไปดับไฟป่า เสียชีวิตแล้ว 1 ราย
ยังเกิดไฟไหม้ป่าต่อเนื่องข้ามคืนเข้ามาเป็นวันที่ 2 ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ–ปุย พื้นที่เขตรอยต่อตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองกับตำบลบ้านปง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมกันนับ 10 จุด ระดมเจ้าหน้าที่ทำการดับไฟทั้งกลางวันและกลางคืน ขณะนี้ยังไม่สามารถควบคุมแนวไฟได้ เนื่องจากเป็นหน้าผาสูง เข้าถึงยาก และมีกลุ่มควันหนาทึบ ไม่สามารถนำอากาศยานขึ้นบินโปรยน้ำได้ เมื่อช่วงเย็นวานนี้ทัศนวิสัยดีขึ้น นำเฮลิคอปเตอร์ขึ้นบินโปรยน้ำ 15 เที่ยวจนถึงค่ำ ป้องกันแนวไฟได้บางส่วน แต่ยังไม่สามารถดับได้ หากทัศนวิสัยดีขึ้น จะนำเฮลิคอปเตอร์ ขึ้นบินจุดที่อยู่บนหน้าผาสูงซ้ำอีกครั้ง
กรมควบคุมมลพิษรายงานค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง เช้าวันนี้ ค่า PM2.5 พื้นที่ตำบลช้างเผือก และตำบลศรีภูมิ ในตัวเมืองเชียงใหม่ อยู่ระหว่าง 185–195 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร รถที่สัญจรต้องเปิดไฟตัดหมอกหรือไฟหน้า ขณะที่ศูนย์ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่รายงานค่า PM2.5 แบบรายชั่วโมง บริเวณบ้านปางเฟือง ตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว ช่วงเวลา 06.00 น. อยู่ที่ 998 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ขณะที่เว็บไซต์ไอคิวแอร์ ยังจัดอันดับให้จังหวัดเชียงใหม่ มีคุณภาพอากาศแย่อันดับ 1 ของโลก ติดต่อกันมาเกือบ 1 สัปดาห์แล้ว
เมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่พบศพอาสาสมัครที่เข้าไปช่วยดับไฟในเขตอุทยานแห่งชาติขุนขาน พื้นที่เขตรอยต่อระหว่างบ้านป๊อกและบ้านปงไคร้ ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม โดยผู้เสียชีวิตได้เข้าไปร่วมกับชุมชนดับไฟป่าในพื้นที่รอยต่อระหว่างอุทยานและป่าชุมชน คาดว่าเป็นลมหมดสติจากการสูดควันไฟและเสียชีวิตระหว่างการเข้าไปช่วยดับไฟ และทำแนวกันไฟในเขตอุทยานแห่งชาติขุนขาน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เผยจะให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ พร้อมกำชับให้คำนึงถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน สั่งการด่วนให้นายอำเภอแม่ริม สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ หน่วยอุทยานและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้การช่วยเหลือเกี่ยวกับสวัสดิการต่างๆ ของอาสาสมัครที่เสียชีวิต
เชียงราย เจ้าหน้าที่ยังคงระดมกำลังกันออกดับไฟป่าตามจุดความร้อนที่เกิดขึ้นขณะเดียวกันก็ออกติดตามจับกุมผู้ที่ลักลอบเผาป่า ซึ่งล่าสุดจับกุมได้ในเขต อ. แม่สรวย จำนวน 2 ราย ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายสั่งกำชับให้ขยายผลไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งหาแรงจูงใจในการเผาที่แท้จริง ด้าน อ.เมืองเชียงราย พบว่า มีการจำกัดเขตจนทำให้ปริมาณจุดความร้อนที่เคยมีมากกว่า 100 แห่ง ลดลงเหลือเพียงประมาณ 25 จุดเท่านั้น ส่วน อ.แม่สรวย และ อ.เวียงป่าเป้า ยังมีไฟไหม้หลายจุด ซึ่งก็จะใช้วิธีจำกัดวงให้แคบลงไปเรื่อยๆ เพื่อดับไฟให้หมดไป.-สำนักข่าวไทย