ดีเอสไอ 26 พ.ค.-ดีเอสไอร่วมกับกรมศุลกากร เดินหน้าตรวจสอบบริษัทนำเข้ารถหรู ย้อนหลัง 5 ปี แยกผู้นำเข้าถูกผิด หากมีหลักฐานจะเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาทันที
พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วยนายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร ร่วมแถลงความร่วมมือการปราบ ปรามการนำเข้ารถยนต์ที่ลักลอบและหลีกเลี่ยงการชำระภาษีศุลกากร โดยอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า เดือนนี้ได้ตรวจค้นเป้าหมายต้องสงสัยจำนวน 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่18 พ.ค.2560 ตรวจค้นสถานที่เป้าหมายต้องสงสัย 9 แห่ง สามารถอายัดรถได้ 122 คัน และในวันที่ 24 พ.ค.2560 ได้เข้าตรวจค้นสถานที่เป้าหมายต้องสงสัยครั้งที่2จำนวน 6 แห่งสามารถอายัดรถยนต์ได้อีกจำนวน 38 คันรวมทั้งสิ้น 160 คัน
พร้อมตรวจยึดเอกสารสำคัญในการนำเข้ารถยนต์ ซึ่งเป็นรถหลายยี่ห้อ อาทิ ลัมโบกินี, โรลส์รอยซ์, แมคคาเรน, โลตัส เป็นต้น หากเป็นความผิดจะมีมูลค่าความเสียหายกว่าที่ทำให้รัฐเสียหายเป็นจำนวนเงินกว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานเอกสารที่เกี่ยวข้องและตรวจสอบเอกสารที่ได้ทำการยึดมาจากบริษัท เพื่อพิสูจน์ทราบว่ามีการทำราคาต่ำเข้ามาในลักษณะใดหรือไม่ และขณะนี้ได้ประสานความร่วมมือระหว่างดีเอสไอกับกรมศุลกากรในการปราบปรามการนำเข้ารถยนต์ที่ลักลอบหลีกเลี่ยงการชำระภาษีภาษี เพื่อสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและรัดกุมมากขึ้น
นอกจากนี้ดีเอสไอ ได้ประสานความร่วมมือขอราคาที่แท้จริงรถหรูจากประเทศผู้ผลิต ทั้งอิตาลีและอังกฤษ ซึ่งต้องใช้เวลานานหลายปี ขณะนี้ก็ได้เอกสารราคามาเรียบร้อยแล้ว โดยจะมีการตั้งคณะพนักงานสอบสวน และที่ปรึกษาคดีพิเศษ มีเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรร่วมสอบสวนด้วย เพื่อให้คดีรวดเร็วและตอบคำถามสังคมได้ โดยนำราคาจริงมาเปรียบเทียบกับราคาที่ผู้ประกอบการนำเข้าสำแดงต่อศุลกากร ตรวจสอบข้อมูลนำเข้าย้อนหลัง 5ปี ซึ่งหากพบบริษัทใดทำผิดกฏหมายจะเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาทันที ซึ่งพยายามทำงานให้เร็วที่สุด และจะชี้แจงความคืบหน้า ในการทำงานร่วมกันเป็นระยะ
นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร ยอมรับว่าที่ผ่านมาการตรวจสอบราคารถกรูนำเข้าผ่านศุลกากรทำตามระเบียบสากล โดยยึดราคารถที่สำแดงโดยผู้นำเข้าเองเท่านั้น ไม่เคยมีราคาจริงจากบริษัท ผู้ผลิตเพราะเป็นเรื่องยากมากที่บริษัทผู้ผลิตจะมีการเปิดเผยให้กับผู้ที่ไม่มีความร่วมมือกันมาก่อน ทำให้มีการประเมินราคารถแต่ละรุ่นเทียบจากการราคาสำแดงนำเข้าของหลายๆ บริษัทและเมื่อดีเอสไอได้ราคาจริงมาแล้วจะดำเนินการตรวจสอบเอกสารย้อนหลังการนำเข้า เพื่อแยกบริษัทที่ทำถูกและทำผิดกฎหมายออกจากกัน เพื่อดำเนินการตามกฏหมายกับบริษัทที่หลีกเลี่ยงภาษี ส่วนผู้บริโภคที่ครอบครองรถหรูที่เข้าข่ายความผิดก็จะพิจารณาแนวทางดำเนินการร่วมกันอีกครั้ง ทั้งนี้ล่าสุดพบว่าจำนวนการนำเข้ารถหรูลดลงกว่า 3-4ปีที่ผ่านมา
ส่วน กรณีมีข่าว ป.ป.ช.จะตรวจสอบผู้บริหารกรมศุลกากร พัวพันการนำเข้ารถหรูนั้น อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า ยังไม่ได้รับหนังสือหรือการแจ้งจากปปช.แต่อย่างใด
ด้าน พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า หน่วยต่อต้านการโจรกรรมรถยนต์ สหราชอาณาจักร National Vehicle Crime Intelligence Service (NaVCIS) ได้ประสานความร่วมมือกับดีเอสไอและส่งมอบข้อมูลรถยนต์ที่ถูกโจรกรรมจากประเทศของตนเข้ามาในประเทศไทยเป็นจำนวน 42 คัน จากการตรวจสอบเอกสารและบัตรตรวจค้นเป้าหมายที่เกี่ยวข้อง พบรถกลุ่มนี้แล้ว 10คัน โดย 7คันถูกอายัดไว้แล้ว ส่วนอีก 2คันมีผู้ครอบครอง และอีก 1 คันอยู่ในเขตปลอดภาษีของกรมศุลกากร และกำลังขยายผลตรวจสอบติดตามส่วนที่เหลือต่อไป
ทั้งนี้ยืนยันดีเอสทำคดีด้วยตวามโปร่งใส ไม่มีการช่วยเหลือผู้กระทำผิด ล่าสุดได้ดำเนินคดีกับนายอรรคพล ทรัพย์พูลปฐม แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ อ้างสามารถให้ความช่วยเหลือหรือเจรจาต่อรองไม่ให้ถูกดำเนินคดีได้ มีบริษัทที่หลงเชื่อและโอนเงินให้ เจ้าพนักงานทหารม.พัน 19 พล ร.9 และกรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงเข้าตรวจค้นบ้านพักนายอรรคพลฯ และนำตัวส่งให้กับพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลหัวหมาก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว.-สำนักข่าวไทย