กทม. 18 มี.ค.-นายกฯ เตรียมลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต 19 มี.ค.นี้ ติดตามความพร้อมการเป็นเจ้าภาพงาน Expo 2028 Phuket Thailand ตรวจติดตามการใช้พื้นที่ป่าชายเลนโครงการ “ป่าในเมือง” รับฟังการนำเสนอวิสัยทัศน์ “อันดามันพร้อม”
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และคณะ จะเดินทางไปตรวจติดตามงานตามนโยบายของรัฐบาล ณ จังหวัดภูเก็ต ในวันอาทิตย์ที่ 19 มีนาคม 2566 โดยมีกำหนดการ ดังนี้
เวลาประมาณ 09.00 น. นายกรัฐมนตรีและคณะ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต โดยเครื่องบินของกองทัพอากาศ เมื่อเดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต นายกรัฐมนตรีจะตรวจติดตามความพร้อมการเตรียมการของประเทศไทยในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพงาน Expo 2028 Phuket Thailand ณ ห้องประชุมท่าอากาศยานภูเก็ต จากนั้น นายกรัฐมนตรีเดินทางไปยังพื้นที่จัดงาน Expo 2028 Phuket Thailand เพื่อตรวจความพร้อมการเตรียมสถานที่จัดงาน ณ ตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต
ช่วงบ่าย เวลาประมาณ 13.30 น. นายกรัฐมนตรีตรวจติดตามการใช้พื้นที่ป่าชายเลนภายใต้โครงการ “ป่าในเมือง” ณ ชุมชนบ้านกิ่งแก้ว เทศบาลตำบลรัษฎา อำเภอเมืองภูเก็ต ซึ่งเป็นศูนย์เรียนรู้และเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระบบนิเวศป่าชายเลน เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีเดินทางไปยังมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ตำบลรัษฎา อำเภอเมืองภูเก็ต เพื่อรับฟังการนำเสนอวิสัยทัศน์ เรื่อง “อันดามันพร้อม” ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะกล่าวแสดงทรรศนะและมอบทิศทางอนาคตอันดามัน โดยนายกรัฐมนตรีและคณะ จะเดินทางกลับถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ในเวลาประมาณ 18.10 น.
“รัฐบาลมุ่งส่งเสริมพัฒนาการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตให้เป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวแห่งความสุข ยั่งยืนและแบ่งปัน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลภายใต้การนำของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกให้มีความพร้อม มีคุณภาพ มีมาตรฐาน และเชื่อมโยงอย่างเป็นระบบ พร้อมพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของชุมชน โดยเปิดโอกาสให้พื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมและได้รับประโยชน์จากการพัฒนาด้วยการบริหารจัดการอย่างยั่งยืน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและมีความสมดุล เพื่อร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาไปในทิศทางเดียวกัน และเกิดประโยชน์กับประชาชนให้มากที่สุด นอกจากนี้ วัฒนธรรมประเพณีและสถาปัตยกรรมที่มีความโดดเด่นเป็นอัตลักษณ์ของจังหวัดภูเก็ต ยังเป็นเสน่ห์ของชุมชน ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ช่วยสร้างรายได้ให้คนในพื้นที่และกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมอีกด้วย” นายอนุชา กล่าว.-สำนักข่าวไทย