กรุงเทพฯ 2 มี.ค. – ตัวแทนชาวบ้าน “นากลาง” 65 ครอบครัว เดือดร้อนโรงงานรุกล้ำลำน้ำสาธารณะ “กุดปืน” ร้องสำนักนายกฯ 6 เดือน ไม่มีความคืบหน้า ด้านทนายกฤษฎา เผยตรวจแผนที่พบโรงงานยึดที่ดินสาธารณะอีกกว่า 10 ไร่
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (2 มี.ค.) ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 1111 สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เขตดุสิต กทม. นายสมบุญ เต็งผักแว่น ตัวแทนชาวบ้านตำบลนากลาง อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 65 ครอบครัว พร้อมนายกฤษฎา อินทามระ ทนายความ เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ฝ่ายติดตามเรื่องร้องทุกข์ ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล เพื่อสอบถามความคืบหน้ากรณีที่เมื่อวันที่ 29 ส.ค.65 ได้มายื่นเรื่องขอความเป็นธรรม ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จากกรณีได้รับความเดือดร้อนโดยบริษัทเอกชนชื่อดังจากญี่ปุ่น ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เจ้าใหญ่ของโลก ที่ตั้งอยู่ภายในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ต.นากลาง อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา ได้ก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมรุกล้ำลำน้ำสาธารณะ “กุดปืน”ของชาวบ้านในตำบลนากลาง ซึ่งเป็นลำน้ำสาธารณะ ที่ใช้เพื่ออุปโภคและบริโภค รวมถึงทำการเกษตรมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย และยังรวมไปถึงป้องกันภัยธรรมขาติน้ำท่วมในพื้นที่ของตำบลด้วย
ซึ่งทางกลุ่มชาวบ้านเคยร้องเรียนไปแล้วหลายหน่วยงานแต่ก็เพิกเฉยต่อการรุกล้ำลำน้ำสาธารณะแห่งนี้ ก่อนที่จะทำการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมนวนครแห่งนี้ และหลังจากเปิดดำเนินการของนิคมนวนครมาโดยตลอด ชาวบ้านไม่ได้ใช้ประโยชน์ลำน้ำสาธารณะในการทำการเกษตร ปลูกข้าวและพืชไร่ ทำให้สูญเสียรายได้เป็นจำนวนมาก และยังไม่มีการเยียวยาจากทางโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ปิดกั้นขวางทางน้ำลำธารสาธารณะ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงไปตรวจข้อเท็จจริง ถึงผลกระทบที่ชาวบ้านเดือดร้อนได้รับผลกระทบกว่า 65 ครอบครัว
ทางกลุ่มชาวบ้านมีมติเห็นพ้องกันว่า ต้องการทวงคืนลำธารสาธารณะแห่งนี้จากกลุ่มนายทุนและผู้ประกอบการที่รุกล้ำลำธารสาธารณะตำบลนากลางให้กลับมามีสภาพตามธรรมชาติเหมือนในอดีตที่ผ่านมา อีกทั้งการปิดกั้นลำธารสาธารณะ โดยจะต้องมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาดูแล เช่น องค์การบริการส่วนท้องถิ่น สำนักชลประทาน กรมเจ้าท่า และอำเภอ เป็นต้น หากหน่วยงานเหล่านี้ไม่ดำเนินการตามกฎหมาย อาจเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตาม ม.157 มีโทษทั้งวินัยและอาญา
ด้านนายกฤษฎา ทนายความ กล่าวว่า ชาวบ้านได้มายื่นเรื่องร้องเรียนผ่านมา 6 เดือนแล้วก็ไม่ได้รับทราบความคืบหน้าจากหน่วยงานราชการในพื้นที่ จึงเกรงว่าข้าราชการในพื้นที่จะเอื้อประโยชน์ให้แก่โรงงานอุตสาหกรรมแห่งนี้ วันนี้จึงพาตัวแทนชาวบ้านนากลางมาสอบถามความคืบหน้าไปถึงขั้นไหนแล้ว นอกจากนี้ตนได้ตรวจสอบแล้วพบว่านิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้ได้เปลี่ยนเส้นทางลำน้ำสาธารณะจากเดิมที่เป็นเส้นตรง ให้อ้อมที่ดินแปลงสาธารณะ เพื่อต้องการนำที่ดินสาธารณะแปลงนี้เนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ ไปรวมกับที่ดินของนิคอีกด้วยฯ เรื่องนี้ตนจะได้เรื่องร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่รับร้องทุกข์ได้รับฟังปัญหาแล้วจะเร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงไปตรวจสอบปัญหาดังกล่าวทันที นอกเหนือจากรับฟังรายงานของจังหวัดด้านเดียว. -สำนักข่าวไทย