กระทรวงการต่างประเทศ 23 ก.พ.- รองนายกฯ กัมพูชา หารือ ทวิภาคี “ดอน” กระชับความสัมพันธ์ เดินหน้าปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในระดับอาเซียน พร้อมจับมือ เปิดสะพานมิตรภาพ เชื่อมสระแก้ว-บันเตียนเมียนเจย ส่งเสริมการค้าการลงทุน
นายปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา พบหารือทวิภาคีกับ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โอกาสเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 23-24 กุมภาพันธ์ 2566
ทั้งนี้ภายหลังการหารือ นายดอน ปรมัตถ์วินัย และ นายปรัก สุคน ได้ทำพิธีเปิดสะพานมิตรภาพไทย–กัมพูชา (บ้านหนองเอี่ยน–สตึงบท) โดยเป็นสะพานมิตรภาพแห่งแรกระหว่างไทย กัมพูชา ที่เชื่อม จ.สระแก้ว และ จ.บันเตียนเมียนเจย ของกัมพูชา ซึ่งสะพานที่มีความยาว 620เมตร สร้างเสร็จในปี2562 และคาดว่าการเชื่อมต่อสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดจะแล้วเสร็จ ในปี 2567 โดยรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาได้เตรียมการเปิดใช้เป็นการชั่วคราว เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการค้าการลงทุนในช่วงที่ ทั้งสองประเทศ ฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 อย่างรวดเร็ว
โอกาสนี้ นายดอน ปรมัตถ์วินัย และ นายปรัก สุคน ได้ร่วมกันแถลงข่าว โดย นายดอน กล่าวว่า การเปิดสะพานครั้งนี้ เป็นหมุดหมายสำคัญของความสัมพันธ์และการเชื่อมโยงพื้นที่ชายแดนระหว่างสองประเทศ เนื่องจากจะช่วยอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าและการส่งเสริมการค้าระหว่างกันได้มากยิ่งขึ้น โดยที่ผ่านมา ร้อยละ 60 ของการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องพึ่งพาจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก – ปอยเปต เพียงแห่งเดียว และ การเปิดใช้สะพานมิตรภาพไทย – กัมพูชาแห่งนี้ จะช่วยเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจและนำการพัฒนามาสู่ ชุมชนท้องถิ่นบนทั้งสองฝั่งของชายแดนมากยิ่งขึ้น
ขณะที่การเยือน ของ นายปรัก สุคน ครั้งนี้ นายดอนกล่าวว่า เกิดขึ้นในจังหวะที่เหมาะสมและมีความสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งทั้งสองฝ่ายยินดีที่ ความสัมพันธ์สองประเทศเดินหน้าไปในทิศทางที่ดีมาก ทั้งด้านการค้าและการลงทุนทวิภาคีที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ไทยและกัมพูชาจะมุ่งบรรลุเป้าหมายมูลค่าการค้าระหว่างกันที่ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2568 โดยปีที่ผ่านมา มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับกัมพูชาเติบโตถึงเกือบร้อยละ 23 ซึ่งเป็นนิมิตหมายที่ดี
ส่วนความร่วมมือด้านความมั่นคง ทั้งสองประเทศยินดี ต่อความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในการปราบปรามและป้องกันปัญหา “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” หรือการหลอกลวงทางออนไลน์ตลอดจนการค้ามนุษย์ด้วย โดยฝ่ายไทยได้เสนอให้มีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมกับฝ่ายกัมพูชาเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว รวมทั้งจะร่วมมือกับประเทศ สมาชิกอาเชียนอื่น ๆ
นอกจากนี้ ไทยและกัมพูชาจะเร่งดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตามที่ผู้นำของทั้งสองประเทศได้เห็นชอบร่วมกัน โดยจะเริ่มดำเนินการในพื้นที่นำร่อง 10 แห่ง ก่อน ขณะเดียวกัน จะเสริมสร้างความเข้มแข็งในการรับมือและจัดการภัยพิบัติ เพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินตามแนวชายแดนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และสุดท้าย ทั้ง สองประเทศเห็นพ้องที่จะส่งเสริมความเข้าใจและมิตรภาพที่ดีระหว่างไทยกับกัมพูชาให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ผ่านกิจกรรมความร่วมมือใหม่ๆ โดยเฉพาะในหมู่เยาวชน ซึ่งจะเป็นผู้สานต่อความสัมพันธ์ ไทย – กัมพูชา ในอนาคต .-สำนักข่าวไทย