กรุงเทพฯ 23 ก.พ. – กระทรวง ทส. ประสานประเทศเพื่อนบ้าน ผ่านสำนักเลขาธิการอาเซียน เพื่อร่วมเฝ้าระวังหมอกควันข้ามแดน เนื่องจากสถานการณ์อยู่ที่ระดับ 2 ส่วนสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในประเทศไทยวันนี้ เกินค่ามาตรฐาน 26 จังหวัดและยังต้องเฝ้าระวังต่อเนื่อง
นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า ได้ประสานแจ้งเตือนสถานการณ์หมอกควันข้ามแดนไปยังประเทศสมาชิกอาเซียนผ่านกลไกสำนักเลขาธิการอาเซียนซึ่งขณะนี้อยู่ในระดับ 2 ตามข้อกำหนดของข้อตกลงอาเซียนว่าด้วยมลพิษจากหมอกควันข้ามแดนซึ่งกำหนดการแจ้งเตือน โดยพิจารณาจากสภาพอากาศและจำนวน Hotspot ในภูมิภาคอาเซียนได้แก่ ระดับ 0 สภาวะปกติ ระดับ 1 เข้าสู่ฤดูแล้ง ระดับ 2 มี Hotspot เกิน 150 จุด 2 วันติดต่อกัน และมีกลุ่มควันหนาแน่น สภาพอากาศแห้งแล้ง ประกอบกับมีลมซึ่งสามารถพัดกลุ่มควันเข้าประเทศสมาชิก และ ระดับ 3 มี Hotspot เกิน 250 จุด 2 วันติดต่อกันและมีกลุ่มควันหนาแน่น สภาพอากาศแห้งแล้ง ประกอบกับมีลมซึ่งสามารถพัดกลุ่มควันเข้าประเทศสมาชิก อีกทั้งเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2566 สำนักเลขาธิการเซียนได้แจ้งยกระดับการแจ้งเตือนไปยังประเทศสมาชิกในภูมิภาคอาเซียนแล้ว
ทั้งนี้นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้ติดตามสถานการณ์ไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่กระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน ซึ่งปัญหาส่วนหนึ่งมาจากปัญหาหมอกควันข้ามแดน กระทรวงทส. เป็นหน่วยงานผู้ประสานงานของประเทศไทยซึ่งได้อาศัยการเจรจาในเวทีอาเซียนภายใต้ข้อตกลงอาเซียนว่าด้วยมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน สร้างความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิก และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการรายงานสภาพปัญหา แต่การป้องกันและแก้ไขปัญหาในระดับภูมิภาคต้องอาศัยความร่วมมืออย่างยั่งยืนจากทุกประเทศ จึงสั่งการให้ คพ. ติดตามและรายงานสถานการณ์ในประเทศตามแบบฟอร์มที่สำนักเลขาธิการอาเซียนกำหนดเป็นประจำทุกวัน เพื่อให้สำนักงานเลขาธิการอาเซียนสรุปสถานการณ์ภาพรวมของทั้งภูมิภาค และแจ้งกลับไปยังประเทศสมาชิกให้ดำเนินมาตรการป้องกันและแก้ไขอย่างเร่งด่วน
สำหรับคุณภาพอากาศประจำวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 ณ 07:00 น. พบปริมาณ PM2.5 เกินค่ามาตรฐานใน 26 จังหวัดได้แก่ จ.ปทุมธานี จ.นนทบุรี กรุงเทพฯ จ.นครปฐม จ.สมุทรสาคร จ.สมุทรปราการ จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ จ.น่าน จ.พะเยา จ.ลำพูน จ.ลำปาง จ.แพร่ จ.อุตรดิตถ์ จ.สุโขทัย จ.ตาก จ.พิษณุโลก จ.กำแพงเพชร จ.พิจิตร จ.เพชรบูรณ์ จ.สระบุรี จ.ราชบุรี จ.สมุทรสงคราม จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.สระแก้ว และจ. ระยอง
ส่วนผลการตรวจวัดตามรายภาค มีดังนี้
– ภาคเหนือ เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 31 – 119 มคก./ลบ.ม.
– ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดี ตรวจวัดได้ 26 – 46 มคก./ลบ.ม.
– ภาคกลางและตะวันตก เกินค่ามาตรฐาน 4 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 31 – 75 มคก./ลบ.ม.
– ภาคตะวันออก เกินค่ามาตรฐาน 2 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 38 – 59 มคก./ลบ.ม.
– ภาคใต้ ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดีมาก ตรวจวัดได้ 12 – 23 มคก./ลบ.ม.
– กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยสถานีตรวจวัดของ คพ. ร่วมกับ กทม. เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 35 – 74 มคก./ลบ.ม.
กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียงรายงานผลการคาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กพบว่า ระหว่างวันที่ 24-25 ก.พ. พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลอาจมีแนวโน้มฝุ่นละอองขึ้นสูงได้ในบางพื้นที่ เช่นเดียวกับพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างที่ต้องเฝ้าระวัง โดยทั้ง 2 พื้นที่จะต้องเฝ้าระวังอีกครั้งช่วงต้นเดือนมี.ค.
ทั้งนี้ขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์ผ่านทางเว็บไซต์ Air4Thai.com และ airbkk.com แอปพลิเคชัน Air4Thai และ AirBKK.-สำนักข่าวไทย