กรุงเทพฯ 13 ก.พ. – อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยาระบุ วันที่ 14-15 ก.พ. ประเทศไทยตอนบนมีอากาศแปรปรวนเนื่องจากมวลอากาศเย็นแผ่ลงมาปกคลุม แล้วปะทะกับหย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมอยู่ก่อน ส่งผลให้มีฝนฟ้าคะนอง โดยมวลอากาศเย็นจะแผ่ลงมาถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นพื้นที่แรกจะทำให้เย็นพรุ่งนี้จะได้สัมผัสอากาศเย็นก่อนพื้นที่ จากนั้นลมหนาวจะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้อากาศประเทศไทยตอนบนกลับมาเย็นอีกครั้ง
นางสาวชมภารี ชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยากล่าวว่า ช่วงวันที่ 14 – 15 ก.พ. เนื่องจากจะมีมวลอากาศเย็นอีกระลอกแผ่เสริมลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมาปะทะกับหย่อมความกดอากาศต่ำซึ่งปกคลุมบริเวณอยู่ขณะนี้ ส่งผลให้สภาพอากาศแปรปรวน มีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมกทม. และปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบนได้แก่ จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงเหนือหรือลมหนาว จะปะทะกับลมฝ่ายใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ที่ยังพัดปกคลุม บริเวณภาคเหนือ ดังนั้นระยะแรกจะทำให้ทิศทางลมแปรปรวน ก่อนที่ลมตะวันออกเฉียงเหนือจะมีกำลังแรงขึ้น
สำหรับสภาพอากาศวันนี้ (13 ก.พ.) บริเวณภาคเหนือมีอากาศเย็นในตอนเช้า โดยยอดดอย ยอดภูมีอากาศหนาว ยังคงมีอากาศเย็นให้ได้สัมผัสบางพื้นที่ ช่วงกลางวันอากาศร้อน อาจมีฝนเกิดขึ้นบ้างเล็กน้อย แต่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะเริ่มกลับมาเย็นก่อนในช่วงเย็นวันพรุ่งนี้ (14 ก.พ.)
ส่วนภาคใต้ตอนล่าง มีฝนฟ้าคะนองเล็กน้อยถึงปานกลาง คลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังอ่อน ชาวเรือ ชาวประมงเดินเรือได้ตามปกติ แต่ควรระมัดระวังบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
จากนั้นช่วงวันที่ 16 – 18 ก.พ. มีคลื่นกระแสลมตะวันตกจากด้านประเทศเมียนมาร์ พัดปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้มีพายุฝนฟ้าคะนอง มีลมกระโชกแรง และอาจมีลูกเห็บตกเกิดขึ้นได้ ต้องติดตามและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ส่วนภาคใต้จะเริ่มมีฝนเพิ่มขึ้น คลื่นลมแรงขึ้นจึงต้องเฝ้าระวังเช่นกัน.-สำนักข่าวไทย