กรุงเทพฯ 8 ก.พ. -เนสท์เล่ ประเทศไทย จับมือ กฟผ. และ อินโนพาวเวอร์ นำร่องผลิตเนสท์เล่ไอศกรีมด้วยไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 100% ในอุตสาหกรรมอาหาร พร้อมทดสอบรูปแบบการซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานสีเขียว มุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
นายวฤต รัตนชื่น ผู้ช่วยผู้ว่าการวิจัย นวัตกรรม และพัฒนาธุรกิจ ในฐานะ Project Management Office การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า . เนสท์เล่ ประเทศไทย จับมือ กฟผ. และ อินโนพาวเวอร์ นำร่องผลิตเนสท์เล่ไอศกรีมด้วยไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 100% ในอุตสาหกรรมอาหาร นับเป็นการทดสอบกลไกการซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบการจัดหาพลังงานไฟฟ้าสีเขียวภายใต้ Utility Green Tariff ในโครงการทดสอบนวัตกรรมที่นำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการให้บริการด้านพลังงาน ระยะที่ 2 (ERC Sandbox ระยะที่ 2) เป็นระยะเวลา 1 ปี
โดย กฟผ. มีความพร้อมในการเป็นหน่วยงานกลางบริหารจัดการไฟฟ้าสีเขียว (Arrangement Unit) จับคู่การผลิตไฟฟ้าสีเขียวแบบเจาะจงแหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้าสีเขียว (Green Energy Portfolio) จากเขื่อนที่ขึ้นทะเบียน I-REC ของ กฟผ. ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนนเรศวร เขื่อนแม่กลอง เขื่อนเจ้าพระยา เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ตามปริมาณการใช้ไฟฟ้าจริงรายวันของโรงงานบางชัน เนสท์เล่ ประเทศไทย และตรวจสอบใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน(REC) ที่ตรงตามแหล่งผลิตและปริมาณการใช้ไฟฟ้าดังกล่าว เพื่อทดสอบรูปแบบการจัดหาพลังงานไฟฟ้าสีเขียวรูปแบบใหม่ที่จะส่งเสริมและยกระดับภาคพลังงานไฟฟ้าสีเขียวของไทยสู่มาตรฐานสากลตามนโยบายภาครัฐ รวมถึงความพร้อมในการตอบสนองความต้องการการใช้พลังงานไฟฟ้าสีเขียวของทุกภาคธุรกิจเพื่อลดอุปสรรคทางการค้าจากมาตรการภาษีคาร์บอนข้ามแดน เช่น CBAM และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางด้านเศรษฐกิจของประเทศไทยด้วยนวัตกรรมพลังงานไฟฟ้า เพื่อขับเคลื่อนสู่สังคมคาร์บอนต่ำและมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ของประเทศและภาคอุตสาหกรรมในประเทศต่อไป
นายวิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า กล่าว่า เนสท์เล่มีเป้าหมายสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ หรือ Net Zero ภายในปี 2050 และตั้งเป้าใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 100% ในโรงงานผลิตของเนสท์เล่ทุกแห่งภายในปี 2025 ซึ่งการใช้ไฟฟ้าสีเขียวจาก กฟผ. เป็นการนำร่องใช้ที่โรงงาน เนสท์เล่ ไอศกรีม นับเป็นรายแรกในอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG) ในประเทศไทย ภายใต้โครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าขายปลีก (Utility Green Tariff) และในฐานะบริษัทธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก เนสท์เล่ตระหนักดีว่า การผลิตมีส่วนในการส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม และร่วมมือกันพัฒนาประเทศไทยและโลกของเราให้ยั่งยืนและน่าอยู่ยิ่งขึ้น
ด้านนายอธิป ตันติวรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด กล่าวเสริมว่า ในฐานะที่อินโนพาวเวอร์เป็นผู้ให้บริการจัดหาและซื้อขาย REC ครบวงจร โดยในปี 2565 ได้สนับสนุนการซื้อขายไปมากกว่า 1,000,000 RECs และประเมินทิศทางตลาด REC ของประเทศไทยว่าจะมีการเติบโตแบบก้าวกระโดด เนื่องจากผู้ใช้ไฟฟ้าเริ่มเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตที่มุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ซึ่งไม่เพียงแต่จะเกิดการซื้อขาย REC เพิ่มขึ้น ยังส่งผลสู่การยกระดับการเข้าถึงพลังงานสีเขียวจากระดับรายปีเป็นระดับรายวันหรือรายชั่วโมง .–สำนักข่าวไทย