กระทรวงศึกษาธิการ 17 พ.ค. รมว.ศธ.ชี้ ไทยขาดแคลนนักวิจัยในอุตสาหกรรมขั้นสูงอย่างหนัก เร่งทำแผนงานพัฒนานักวิจัยและสร้างนวัตกรรม
นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมอนุกรรมการพัฒนาบุคลากรด้านการวิจัยและนวัตกรรมว่า เนื่องจากมีคำสั่งมาตรา 44 ให้ยุบสภาวิจัยแห่งชาติและตั้งสภานโยบายวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติแทน เพื่อปฏิรูประบบวิจัยและนวัตกรรม ในการพัฒนาประเทศทั้งในระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว ตนในฐานะเป็นประธานคณะอนุกรรมการเรื่องการพัฒนาบุคลากร ซึ่งมีการประชุมครั้งแรกจึงได้พูดคุยเรื่องแผนปฏิบัติงานที่เป็นรูปธรรมตั้งแต่การหานักวิจัยและนักสร้างนวัตกรรม แผนพัฒนานักวิจัยทั้งจากภาครัฐและเอกชนซึ่งมีจำนวนกว่าหมื่นคน และการดูแลค่าตอบแทนที่เหมาะสมให้กับนักวิจัย ซึ่งได้มอบหมายให้ผู้ทรงคุณวุฒิไปติดตามรายละเอียดก่อนมากำหนดเป็นแผนงานที่ชัดเจน ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคมนี้ โดยแผนที่จะออกมานั้นต้องมุ่งเน้นสร้างกำลังคนเพื่อพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และศิลปวิทยาแขนงต่าง ๆ ให้เกิดความรู้และการพัฒนาเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่เศรษฐกิจ สังคม และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและคุณภาพชีวิตของประชาชน
ขณะเดียวกันในการประชุมได้มีตัวแทนจากภาคเอกชนมาแลกเปลี่ยนความเห็นว่า นักวิจัยที่อยู่ในภาคอุตสาหกรรมขั้นพื้นฐานของไทยทำได้ดี แต่หากเป็นอุตสาหกรรมขั้นสูงเพื่อรองรับไทยแลนด์4.0 นั้นถือว่าขาดแคลนนักวิจัยอย่างหนัก สร้างสรรค์งานนวัตกรรมใหม่ๆไม่ได้ ถือเป็นช่องว่างของประเทศที่ขาดกำลังคนที่เชี่ยวชาญในนวัตกรรมขั้นสูง จึงต้องหาทางที่จะเสริมศักยภาพของเด็กที่มีอยู่ให้เป็นนักวิจัยที่มีความสามารถและแข่งขันกับนานาชาติได้
“อย่างอุตสาหกรรมขั้นสูงของประเทศเยอรมัน ต้องการคนเก่งเฉพาะทาง มีนักวิจัยเข้าร่วมคัดเลือกหลายคน แต่ผ่านการคัดเลือกเพียงคนเดียว อีกทั้งในหลายบริษัทชั้นนำของไทย ต้องจ้างนักวิจัยจากต่างประเทศให้ทำงานวิจัยแทนคนไทย จึงต้องปรับการศึกษา เปลี่ยนแปลงในระดับมหาวิทยาลัยมุ่งวางกลยุทธในการพัฒนาศักยภาพกำลังคน เพราะเมื่อย้อนดูร้อยละของผู้ที่เลือกศึกษาสายวิทยาศาสตร์มีเพียงร้อยละ 25 เท่านั้น ทำให้ได้นักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยน้อย”รมว.ศธ.กล่าว.-สำนักข่าวไทย