กกต. 31 ม.ค. – กกต. สั่งทุกจังหวัดแบ่งเขต ส.ส. 3 รูปแบบ รับฟังความเห็นผู้มีส่วนได้เสีย ยึดความเหมาะสม จำนวนประชาชน สภาพแวดล้อม ก่อนเสนอ กกต. พิจารณาเลือก 400 เขต 20 ก.พ.นี้
แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เผยหลัง กกต. มีมติเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้ง สำหรับการแบ่งเขตเลือกตั้งจะต้องดำเนินการทุกครั้ง เมื่อมีการเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการทั่วไป ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้เปลี่ยนจาก 350 เขต มาเป็น 400 เขต ทันทีที่ร่างระเบียบ กกต.ว่าด้วยการแบ่งเขตเลือกตั้งมีผลใช้บังคับ กกต.จังหวัดทุกจังหวัด รวมถึง กกต.กทม. ต้องนำรูปแบบการแบ่งเขตเลือกตั้งที่เตรียมไว้อย่างน้อย 3 รูปแบบ ปิดประกาศเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่มีส่วนได้เสีย คือ พรรคการเมือง และประชาชนในจังหวัด เป็นเวลา 10 วัน นับแต่วันปิดประกาศ ซึ่งแต่ละรูปแบบจะต้องประกอบด้วยรายละเอียดเกี่ยวกับอำเภอ หรือตำบล หรือเขตพื้นที่อยู่ในเขตเลือกตั้ง แต่ละเขต จำนวนราษฎรของแต่ละเขตเลือกตั้ง ผลต่างของจำนวนราษฎรในแต่ละเขตเลือกตั้ง จากจำนวนเฉลี่ยราษฎรต่อ ส.ส. 1 คนในจังหวัดนั้น เหตุผลประกอบการเสนอแนะการแบ่งเขตเลือกตั้ง และแผนที่แสดงรายละเอียดของพื้นที่ที่ประกอบเป็นเขตเลือกตั้งแต่ละเขตเลือกตั้ง
แหล่งข่าวระบุต่อว่า เมื่อครบกำหนดระยะเวลา ทาง กกต.แต่ละจังหวัดจะต้องนำความคิดเห็นของประชาชนทุกคนและทุกพรรคการเมืองที่เสนอ มาประมวลเพื่อวิเคราะห์ข้อดี ข้อเสียให้เรียบร้อยภายใน 3 วัน จากนั้นจึงนำเสนอสรุปรายงานเสนอเข้าที่ประชุม กกต. ผ่านทางเลขาธิการ กกต. เพื่อพิจารณาตามขั้นตอน เบื้องต้นคาดว่ากระบวนการของจังหวัดจะใช้ระยะเวลาไม่เกิน 20 วัน ขั้นตอนหลังจากนั้นที่ประชุม กกต. ต้องพิจารณาเลือกรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งที่เหมาะสมและตรงตามหลักเกณฑ์มากที่สุด คำนึงถึงพื้นที่ที่ติดต่อใกล้ชิดกัน ความสะดวก การคมนาคมระหว่างกัน และการเคยอยู่ในเขตเลือกตั้งเดียวกัน และเมื่อคณะกรรมการดำเนินการแบ่งเขตเลือกตั้งได้ข้อสรุปครบถ้วนทุกจังหวัดทั้ง 400 เขตแล้ว ให้ประกาศการแบ่งเขตเลือกตั้งในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า กกต. จะประชุมเพื่อพิจารณาการแบ่งเขตเป็นครั้งแรกในวันที่ 20 กุมภาพันธ์นี้ ผู้สื่อข่าวยังรายงานว่าในวันเดียวกันนี้ นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ได้ลงนามในหนังสือถึงเลขาธิการ ครม. เพื่อส่งประกาศ กกต. เรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส. และจำนวน ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งและเขตเลือกตั้งของแต่ละจังหวัด เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป.-สำนักข่าวไทย