กรุงเทพฯ 22 ม.ค.-“พิธา” นำทีม ส.ก.ก้าวไกล เปิดตัว “กฎหมายรถเมล์อนาคต” เปลี่ยนรถเมล์ทั้งกรุงเทพฯ เป็น EV ใน 7 ปี เชื่อผ่านสภา กทม. สร้างประวัติศาสตร์ผ่านกฎหมายโดย ส.ก.
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย น.ส.ภัทราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย ส.ก. เขตบางซื่อ และนายพุทธิพัชร์ ธันยาธรรมนนท์ ส.ก. เขตยานนาวา พรรคก้าวไกล แถลงเปิดตัวกฎหมาย “รถเมล์อนาคต” ซึ่งเป็นข้อบัญญัติของกรุงเทพมหานคร ที่จะกำหนดให้รถเมล์ที่วิ่งในกทม. ต้องเป็นรถไฟฟ้า หรือ EV ทั้งหมด โดยมีระยะเวลาสำหรับการเปลี่ยนผ่าน 7 ปี เพื่อบรรลุเป้าหมายลดฝุ่นละออง PM2.5 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงจะพัฒนาคุณภาพการให้บริการรถเมล์ ซึ่งเป็นระบบขนส่งมวลชนที่มีผู้ใช้งานหลักล้านคน
ก่อนเริ่มแถลงข่าว นายพิธา นำสื่อมวลชนชมรถเมล์สาย 8 แฮปปี้แลนด์-สะพานพุทธ ตำนานรถเมล์กรุงเทพ โดยกล่าวว่ารถเมล์คันนี้ แม้สีสันจะดูใหม่ แต่ข้างในเก่า รถคันนี้เดิมเป็นรถเมล์สีครีมแดง ของข.ส.ม.ก. ก่อนจะปลดระวางมาขายต่อให้รถร่วมฯ เปลี่ยนสีใหม่ แต่เครื่องยนต์เก่า พื้นเป็นไม้กระดาน รถคันนี้สร้างเมื่อปี 1960 วันนี้มีอายุ 62 ปีแล้ว ถ้าเป็นคนก็ต้องเกษียณอายุแล้ว แต่กลับยังใช้งาน วิ่งปล่อยควันเสีย ฝุ่นละอองอยู่ทุกวัน เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้กรุงเทพเป็นเมืองที่มีมลภาวะติดอันดับโลก
ด้านน.ส.ภัทราภรณ์ ส.ก. เขตบางซื่อ กล่าวว่าปัญหา PM2.5 เป็นปัญหาใหญ่ของกรุงเทพ โดยเฉพาะในช่วงต้นปีแบบนี้ ในขณะที่ PM2.5 ในภาคอื่นของประเทศมักเกิดต่กการเผาพืชผลการเกษตร หรือไฟป่า ฝุ่นในกรุงเทพส่วนใหญ่เกิดจากยานพาหนะ ซึ่งฝุ่นละอองไม่เพียงทำให้บดบังทัศนวิสัย แต่ยังส่งผลเลวร้ายต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยเฉพาะคนที่ต้องใช้ขนส่งมวลชน สูดควันพิษบนถนนทุกวัน แม่ค้าที่ต้องขายของริมทาง ไปจนถึงตำรวจจราจร ซึ่งผลวิจัยทางการแพทย์ยืนยันชัดเจนว่า การสูดฝุ่นพิษเป็นประจำ ทำให้คนเสี่ยงเป็นมะเร็งปอดเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ส่วนกฎหมายรถเมล์อนาคต หรือร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง รถโดยสารประจําทางพลังงานไฟฟ้าเพื่อลดมลภาวะ นำเสนอโดย ส.ก. พุทธิพัชร์ ธันยาธรรมนนท์ เขตยานนาวา พรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 22 ปี ที่มีการเสนอกฎหมายใหม่ทั้งฉบับโดย ส.ก. ซึ่งข้อบัญญัติฉบับล่าสุดที่เสนอโดย ส.ก. เกิดขึ้นในปี 2544 เป็นข้อบัญญัติเกี่ยวกับการแต่ตั้งผู้ช่วยปฏิบัติงาน ส.ก. โดยพุทธิพัชร์ เชื่อมั่นว่าร่างกฎหมายนี้จะสามารถผ่านสภา กทม. ได้ เนื่องจาก ส.ก. ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่ากฎหมายนี้จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทุกเขตทั่วกรุงเทพ
นายพิธา ย้ำว่า กฎหมายรถเมล์อนาคต ไม่เพียงเป็นกฎหมายที่จะยกระดับคุณภาพการให้บริการรถเมล์ให้สะอาด ปลอดฝุ่น ปลอดมลภาวะ และช่วยให้ไทยบรรลุเป้าหมายเป็นประเทศ net zero หรือปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์์ในปี 2050 ได้เท่านั้น แต่ยังถือเป็นการแสดงให้เห็นว่าสภา กทม. สามารถมีบทบาทปกป้องดูแลคุณภาพชีวิตคนกรุง เปลี่ยนกรุงเทพมหานครให้ดีขึ้น น่าอยู่ขึ้นสำหรับทุกคนได้.-สำนักข่าวไทย