ปัตตานี 9 พ.ค.-เกิดเหตุระเบิดที่ห้างบิ๊กซี กลางเมืองปัตตานี 2 ลูก เจ้าหน้าที่เข้าพื้นที่คุมสถานการณ์ได้แล้ว มีผู้บาดเจ็บ 40 ราย สาหัส 2 ราย พร้อมเผยภาพวินาทีระเบิดลูกที่ 2 ชาวบ้านวิ่งหนีออกจากบริเวณห้างอย่างแตกตื่น อลหม่าน
ความคืบหน้าเหตุระเบิดห้างบิ๊กซี อ.เมืองปัตตานี 2 ลูก ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก สถานการณ์ล่าสุด พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับสำนักข่าวไทย ระบุขณะนี้หน่วย ฉก.ปัตตานี เข้าควบคุมสถานการณ์ที่เกิดเหตุได้เรียบร้อยแล้ว โดยแม่ทัพภาคที่ 4 กำลังเข้าพื้นที่ เบื้องต้นระเบิดบริเวณหน้าห้างเป็นระเบิดแสวงเครื่องประกอบในรถยนต์ปิกอัพไปจอดบริเวณทางเข้า เจ้าหน้าที่ได้กันประชาชนออกห่างจากรถต้องสงสัย ทำให้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเป็นส่วนใหญ่ ตอนนี้กันคนออกจากจุดเกิดเหตุหมดแล้ว ขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ อย่าเข้าใกล้บริเวณจุดเกิดเหตุ ส่วนในเรื่องเพลิงไหม้ควบคุมได้ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ใหม่ๆ ขณะนี้อยู่ระหว่างสำรวจความเสียหาย
ด้านนายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เผยอยู่ในพื้นที่ตั้งแต่เกิดเหตุแล้ว โดยดูแลเรื่องคนเจ็บและทรัพย์สินที่เสียหายอยู่ เบื้องต้นมีผู้บาดเจ็บ 40 ราย ส่วนใหญ่เจ็บไม่มาก สาหัส 2 ราย นำตัวส่งโรงพยาบาลปัตตานีแล้ว คาดคนร้ายมีเป้าหมายทำลายเศรษฐกิจ ส่วนข่าว รพ.ปัตตานี ต้องการรับบริจาคเลือด ไม่เป็นความจริง มีการเตรียมไว้พร้อมแล้ว ยังไม่ต้องการมากขนาดนั้น โดยในพื้นที่ขณะนี้ฝนกำลังจะตก
ขณะที่ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทยอยู่ที่ รพ.ปัตาตานี รายงานว่า ขณะนี้มีผู้บาดเจ็บเต็มโรงพยาบาล กำลังเช็กดูว่าสาหัสจริงๆ เท่าไหร่ เบื้องต้นยังพบสาหัส 2 ราย ยืนยันยังไม่พบผู้เสียชีวิต โดยเจ้าหน้าที่กำลังติดตามหากล้องวงจรปิด เบื้องต้นระเบิดมี 2 ลูก จุดแรกเป็นประทัดยักษ์ตรงทางเข้า จุดที่ 2 ห่างสักประมาณ 10 นาที เป็นคาร์บอมบ์หน้าห้าง คนร้ายเป็นวัยรุ่น 2 คน นำรถมาจอด แล้ววิ่งหนีออกไป มี จยย.มารอรับ เจ้าหน้าที่ห้างสังเกตเห็นความผิดปกติ และได้กันประชาชนออกไป ทำให้ส่วนใหญ่เจ็บไม่มาก กระจกบาด และสะเก็ดระเบิดเล็กน้อยๆ โดยจุดนี้เกิดเพลิงใหม้ ต้องใช้รถดับเพลิง 5-6 คันเข้ามาคุมเพลิง
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ปิดถนนหนองจิก หน้าบิ๊กซี ให้เลี่ยงไปใช้อีกเส้น อีโอดีกับ พฐ.กำลังตรวจสอบรถยนต์เกิดเหตุ เบื้องต้นเป็นทะเบียนยะลา กำลังประสานเจ้าของอยู่ว่าเป็นรถที่ถูกขโมยมาหรือไม่.-สำนักข่าวไทย