โรงแรมริชมอนด์ 9 พ.ค.-กระทรวงสาธารณสุข ร่วมมือกับหลายหน่วยงาน จัดเสวนา “ปลดล็อค สุขภาพประชากรข้ามชาติ” มุ่งส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์
กระทรวงสาธารณสุขและองค์กรที่เกี่ยวข้อง เสนอแผนยุทธศาสตร์สาธารณสุขชายแดนปี 2560-2564 ชี้ประโยชน์มากกว่าโทษในการ เสวนาปลดล็อค สุขภาพประชากรข้ามชาติเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสไทยแลนด์ 4.0 ที่มีสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับมูลนิธิภิวัฒน์สาธารณสุขไทย จัดขึ้นพบว่าแนวทางการให้บริการที่เป็นมิตรหรือเฟรนลี่เซอร์วิส คือสิ่งจำเป็นที่จะทำให้เกิดผลกระทบด้านบวกสำหรับพื้นที่ชายแดนกับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ทั้งด้านเป็นศูนย์กลางการค้า เศรษฐกิจขยายตัว มีการจ้างงานมากขึ้นด้านการแพทย์ ไทยจะกลายเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์เพิ่มความสามารถการแข่งขันด้านแพทย์เฉพาะทางและรายได้จากการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์เป้า ประสงค์ของยุทธศาสตร์ด้านสาธารณสุขชายแดน คือประชาชนที่อยู่ชายแดนมีคุณภาพชีวิตที่ดีมีการพัฒนาระบบสาธารณสุขในพื้นที่ชายแดนที่เข้มแข็งและยั่งยืน
ทั้งนี้การให้บริการที่เป็นมิตร จะมีการปรับทัศนคติของการให้บริการแก่ประชากรข้ามชาติเพิ่มการเรียนรู้วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีของประชากรข้ามชาติ เพิ่มช่องทางการเข้าถึงภาษาที่เป็นสากลเช่น ภาษาอังกฤษและภาษาของประเทศเพื่อนบ้าน เช่นจัดทำป้ายประชาสัมพันธ์ทาง การให้บริการสุดในสถานบริการสาธารณสุข ด้วยภาษาสากลโลกจัดทำหนังสือช่องทางการสื่อสารให้ประชากรข้ามชาติเข้าถึงข้อมูลข่าวสารพัฒนาศักยภาพบุคลากรสาธารณสุขด้านการสื่อสารภาษาประเทศเพื่อนบ้าน
ด้านนายแพทย์ชนินันท์ สนธิไชย จากสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่าร่างยุทธศาสตร์ชายแดนนี้อยู่ในระหว่างการจัดทำกระบวนการประชาพิจารณ์การดูแลบูรณาการจากหลายภาคส่วนเพื่อให้ครอบคลุมโดยยึดพื้นที่ 31 จังหวัดชายแดนเป็นหลัก โดยแนวทางสร้างหลักประกันสุขภาพครอบคลุมทั้งคนสัญชาติไทย ประชากรข้ามชาติ กลุ่มชาติพันธุ์ และแรงงานข้ามชาติ.-สำนักข่าวไทย