กรุงเทพฯ 14 ธ.ค.- ปตท.ทนไม่ไหว ขอขึ้นราคาเอ็นจีวี 1 บาท/กก. จากต้นทุนจริง ต้องขึ้น 12 บาท/กก. มีผล 16 ธ.ค.65 และตรึงราคาขายแท็กซี่ที่ 13.62 บาท ส่งผล ปตท.ควักเนื้อช่วยอีกราว 2,700 ล้านบาท ส่วน แอลพีจีตรึงราคาต่ออีก 1 เดือน พร้อมขอปั๊มตรึงค่าการตลาดดีเซล 1.40 บาทจนถึงสิ้นเดือน มี.ค.66
กบง.ขอความร่วมม ต่ออายุมาตรการฝ่าวิกฤตราคาพลังงาน ช่วยเหลือประชาชนที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) วานนี้ (13 ธ.ค.) เห็นชอบหลายมาตรการเพื่อลดค่าครองชีพของประชาชน โดยให้คงราคาขายส่งหน้าโรงกลั่น LPG ที่ 19.9833 บาทต่อกิโลกรัม (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ทำให้ราคาขายปลีกLPG อยู่ที่ประมาณ 408 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 – 31 มกราคม 2566
อย่างไรก็ตาม การคงราคาดังกล่าวทำให้ เป็นภาระต่อกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ได้รับผลกระทบจากราคา LPG ตลาดโลกที่ยังคงผันผวน โดย ณ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 อยู่ที่ 633.60 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน เทียบได้กับราคาขายปลีกก๊าซ LPG ที่ประมาณ 480 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ทำให้บัญชีก๊าซ LPG.ติดลบ 1,352 ล้านบาทต่อเดือน และฐานะกองทุนบัญชีก๊าซ LPG ติดลบ 43,883 ล้านบาท เข้าใกล้กรอบวงเงินกองทุนน้ำมันฯ ในส่วนของบัญชีก๊าซ LPG ที่ให้ติดลบได้ไม่เกิน 45,000 ล้านบาท จึงมอบให้ สนพ.ทบทวนการกำหนดราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG)ในอนาคต
กบง. มีมติเห็นชอบให้คงการกำหนดส่วนผสมไบโอดีเซล ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมถึงวันที่ 31 มีนาคม 2566 ดังนี้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7,ดีเซลหมุนเร็วธรรมดา และ ดีเซล บี20 ให้มีส่วนผสมของบี 100 ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 6.6 โดยขอความร่วมมือจากผู้ค้าน้ำมันคงค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงกลุ่มดีเซลหมุนเร็วในอัตราเดิม ต่อไป ที่ขอความร่วมมือตั้งแต่ 1 ต.ค. 65 ในอัตราไม่เกิน 1.40 บาท ต่อลิตร
ส่วนราคาขายปลีกก๊าซ NGV ทาง บมจ.ปตท.จะประกาศ ปรับขึ้นในวันที่ 16 ธันวาคม อีก 1 บาท เป็น 17.59 บาทต่อกิโลกรัม จากต้นทุนที่แท้จริง ที่ 29.51 บาท/กก. อย่างไรก็ตาม กบง. ขอความอนุเคราะห์ ปตท. อุดหนุนราคาตามโครงการเอ็นจีวีเพื่อลมหายใจเดียวกัน โดยให้คงราคาขายปลีกก๊าซ NGV สำหรับแท็กซี่ ไว้ที่ 13.62 บาทต่อกิโลกรัมตั้งแต่16 ธันวาคม ถึงวันที่ 15 มีนาคม 2566 และคงราคาเอ็นจีวีรถยนต์ทั่วไปที่ 17.59 บาทต่อกิโลกรัมตั้งแต่16 ธันวาคม ถึงวันที่ 15 มีนาคม 2566
ดังนั้น จึงคาดว่า ปตท.จะใช้เงินช่วยเหลือรอบนี้รวม 2,682 ล้านบาท (รถยนต์ทั่วไป 2,407 ล้านบาท และรถแท็กซี่ 275 ล้านบาท)
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมได้รับทราบความก้าวหน้าของมาตรการบริหารจัดการพลังงานในสถานการณ์วิกฤตราคาพลังงานในช่วงเดือนตุลาคม ถึงเดือนธันวาคม 2565 และผลประเมินผลประโยชน์ทางการเงิน(Financial Benefit) จากการดำเนินมาตรการเพื่อลดการนำเข้า Spot LNG ราคาสูงเพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้า อีกทั้งสถานการณ์ราคาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในตลาดโลกมีความผันผวน รวมถึงการอ่อนตัวของค่าเงินบาท ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบแผนบริหารจัดการพลังงานในสถานการณ์วิกฤตราคาพลังงาน ในช่วงเดือนมกราคม 2566 ถึงเดือนเมษายน 2566 เช่น มาตรการขอความร่วมมือประหยัดพลังงานในภาคธุรกิจ/อุตสาหกรรม จัดหาก๊าซในประเทศและเพื่อนบ้านให้ได้มากที่สุด การบริหารจัดการเพื่อให้เกิดการลดการใช้ก๊าซธรรมชาติในภาค ปิโตรเคมี และภาคอุตสาหกรรม เป็นต้น
โดยที่ประชุม กบง. ให้คณะอนุกรรมการบริหารจัดการรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงาน สามารถปรับรายละเอียดมาตรการและประมาณการเป้าหมาย หรืออาจเพิ่มเติมมาตรการให้มี สอดคล้องกับสถานการณ์ ,กบง. ยังได้มีมติเห็นชอบการขยายระยะเวลาการยกเว้นการสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉพาะปริมาณที่จำหน่ายเพื่อใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าและขายกระแสไฟฟ้าทั้งหมดให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการยกเลิกมาตรการการใช้น้ำมันดีเซล น้ำมันเตาทดแทนการใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้า .–สำนักข่าวไทย