กรุงเทพฯ 9 ธ.ค. – ศาลแพ่งชี้แจงเหตุเข้าใจคลาดเคลื่อนนัดวันพิจารณาคดี “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” ศาลบริหารจัดการคดีใหม่หลังสถานการณ์โควิด เร่งรัดทุกคดี กระชับเวลารวดเร็วขึ้น เพื่ออำนวยความยุติธรรมอย่างเหมาะสม
จากกรณีที่ปรากฎเป็นข่าวนายวิรัตน์ วรศสิริน ส.ส.พรรคเสรีรวมไทย ได้มีข้อหารือปัญหาถึงประธานสภาผู้แทนราษฏร ในการประชุมสภาผู้แทนราษฏร เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.2565 เพื่อหารือไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และสำนักงานศาลยุติธรรม เกี่ยวกับการเลื่อนนัดคดีความในศาลแพ่งระหว่าง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย โจทก์ และนายสนธิญา สวัสดี จำเลย โดยอ้างถึงกรณีศาลแพ่งยกสถานการณ์แพร่ระบาดโควิดและเลื่อนกำหนดนัดพิจารณาคดีออกไปจากวันที่ 7 ก.พ.2566 ไปเป็นปี 2567 ทำให้การพิจารณาคดีล่าช้า ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากการเลื่อนนัดพิจารณาคดียาวนานเกินไป ขณะที่ช่วงเวลานี้สถานการณ์เริ่มเป็นปกติแล้วเหตุใดจึงเลื่อนนัดออกไปถึง 2 ปี
วันนี้ (9 ธ.ค.2565) นายสรวิศ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม ชี้แจงว่าข้ออภิปรายดังกล่าวเกิดจากการอ่านข้อความในหมายศาลแล้วเข้าใจข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อนไป เพราะคดีความที่มีการกล่าวถึงในศาลแพ่งนั้น เพิ่งยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.2565 และศาลได้นัดชี้สองสถาน (นัดกำหนดประเด็นนำสืบ-วันสืบพยาน) ไปเมื่อวันที่ 18 ส.ค.2565 ที่ผ่านมา เดิมศาลกำหนดนัดสืบพยานวันที่ 16 ก.พ. 2567 อันเนื่องมาจากมีคดีคงค้างจำนวนมากจากการบริหารจัดการคดีตามสถานการณ์โควิด แต่เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดเบาบางลง ประกอบกับทางการได้ประกาศผ่อนปรนข้อปฏิบัติการรับมือสถานการณ์ตามหลักสาธารณสุขแล้ว ศาลแพ่งได้วางแผนบริหารจัดการคดีทั้งหมดใหม่เพื่อบรรเทาข้อขัดข้องจากความจำเป็นที่ก่อนหน้านี้ต้องเลื่อนคดี โดยศาลเร่งรัดช่วงเวลานัดพิจารณาคดีให้กระชับขึ้นทุกคดีตามความเหมาะสม ความพร้อมของคู่ความในการกำหนดวันนัดใหม่ และลำดับของแต่ละคดีแล้ว
คดีที่ถูกกล่าวถึงความจริงแล้ว ศาลแพ่งร่นระยะเวลานัดสืบพยานให้เร็วขึ้น จากเดิมกำหนดนัดสืบพยานวันที่ 16 ก.พ.2567 มาเป็นนัดสืบพยานใหม่วันที่ 7 ก.พ.2566 และได้ส่งหมายเมื่อเดือน ต.ค.2565 แจ้งนัดให้คู่ความในคดีทราบแล้ว การเลื่อนนัดตามหมายจึงเป็นการที่ศาลแพ่งเลื่อนนัดคดีดังกล่าวให้เร็วขึ้นจากเดิมร่วมหนึ่งปี ไม่ใช่การที่ศาลเลื่อนคดีออกไปให้เนิ่นนานขึ้นดังที่มีการอภิปรายในสภา ดังนั้น ขอให้ทุกฝ่ายรับทราบข้อเท็จจริงถึงเหตุแห่งการกำหนดวันนัดพิจารณาของศาลยุติธรรม ที่พิจารณาด้วยหลักเหตุผลชัดเจน รอบคอบตามความเหมาะสมของสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลา การเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้สาธารณชนได้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนอันอาจทำให้เกิดการเข้าใจผิดในการทำงานของศาลได้ การอำนวยความยุติธรรมโดยสะดวก รวดเร็ว ถือเป็นเป้าหมายของการบริการประชาชนโดยศาลยุติธรรมมาโดยตลอด ประธานศาลฎีกา นายโชติวัฒน์ เหลืองประเสริฐ เองก็ได้ให้นโยบายให้ศาลยุติธรรมทั่วประเทศให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการคดีที่มีประสิทธิภาพ สะดวกและรวดเร็ว เพื่อมิให้การอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนเกิดความล่าช้า ดังนั้น ขอให้ทุกฝ่ายมั่นใจได้ว่าการบริหารจัดการคดีของศาลยุติธรรมจะดำเนินตามนโยบายดังกล่าวอย่างเคร่งครัด.-สำนักข่าวไทย