พรรคเพื่อไทย 6 ธ.ค.- “วิชาญ” แจ้งความหลังมีภาพร่วมเฟรม “ตู้ห่าว” ลั่นไม่รู้จัก ส่วนกรณี “ประเดิมชัย” เตรียมย้าย ก็พร้อมสรรหาคนใหม่ลงแทน ขณะที่ปัญหา “จิรายุ” แค่เรื่องส่วนตัว
นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีถูกโยงเป็นข่าวและมีภาพปรากฏออกมาว่ามีความรู้จักสนิทกับนาย หาวเจ๋อตู้ หรือตู้ห่าว กลุ่มทุนจีนสีเทา ว่า ภาพที่ปรากฏเป็นข่าวนานมากแล้ว โดยเป็นการเปิดตัวโรงงานแถว จ.สมุทรปราการ ซึ่งตนไปเป็นเพื่อนกับคุณลุงที่ถูกเชิญไปร่วมงานเท่านั้น โดยงานดังกล่าว พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อดีต ผบ.ตร. เป็นประธาน แต่กลับถูกโยงทำให้ตนและครอบครัวได้รับความเสียหาย เพราะถูกนำมาเล่นข่าวในช่วงจะเลือกตั้ง ตนเป็นนักการเมืองที่ถูกป้ายสี ดังนั้นตนจึงได้ไปแจ้งความเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวกับนายตู้ห่าวเลย เห็นหน้าตอนนี้ก็ยังจำไม่ได้เลย
นายวิชาญ กล่าวกรณีนายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทยที่มีข่าวจะย้ายไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ว่า พรรคดูแลและให้โอกาสนายประเดิมชัย ตั้งแต่ปี 62 ตั้งแต่สมัยนายประเดิมชัย เป็น ส.ก. ส่วนการตัดสินใจย้ายไปอยู่พรรคใดก็ถือเป็นสิทธิ ซึ่งเราก็จะได้คัดสรรบุคคลลงสมัครแทนนายประเดิมชัยต่อไป ที่ผ่านมาก็ยังไม่ได้คุยกับนายประเดิมชัย ในเรื่องดังกล่าว แต่ช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา เริ่มมีกระแสข่าวว่าจะย้ายพรรค แต่ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยดูแลสมาชิกทุกคนเท่าเทียมกัน
นายวิชาญ ยังกล่าวถึงกรณี ที่นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ออกมาแสดงความไม่พอใจที่พรรรคเพื่อไทยคัดเลือกผู้สมัคร จ.กาญจนบุรี ที่เป็นคู่ขัดแย้งฟ้องร้องกันอยู่ มาลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย ว่า ต้องแยกกัน ใครเป็นคู่ขัดแย้งถือเป็นเรื่องส่วนตัว ส่วนบุคคลที่เสนอตัวมาลงสมัครกับพรรคเพื่อไทยนั้น หากคุณสมบัติครบถ้วน พรรคก็ต้องพิจารณา ซึ่งพรรคคงไม่รู้ก่อนหรอกว่าใครเป็นคู่ขัดแย้งหรือทะเลาะกับใคร ส่วนเรื่องความขัดแย้งส่วนตัวก็ควรเคลียร์กัน เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว หากอยากให้ผู้ใหญ่เคลียร์ควรมาบอกกัน ไม่ใช่ออกมาไปให้ข่าวแบบนั้น
ส่วนที่นายจิรายุ ระบุว่าจะขอทบทวนบทบาททางการเมือง นายวิชาญ กล่าวว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น นายจิรายุ อาจไม่สบายใจจึงได้พูดออกมาเพื่อให้พรรครับทราบ พอพรรครับทราบแล้วคงจะได้มีการพูดคุยกัน ซึ่งคู่กรณีที่มีการฟ้องร้องกันไปมาถือเป็นเรื่องส่วนตัว ซึ่งสมาชิกมีปัญหากันนั้นมีทุกพรรค เพราะคนอยู่ร่วมกันเป็นจำนวนมาก ขอย้ำว่าบางทีกรรมการสรรหาก็ไม่ทราบ. สำนักข่าวไทย